ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติด้านสุขภาพและความงาม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ระมัดระวัง รวมถึงการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งจากผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามาในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 52.60 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่มีรายได้รวม 58.02 ล้านบาท จำนวน 5.42 ล้านบาท หรือลดลง 9.34 % และมีกำไร 12.56 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.63 ล้านบาท จำนวน 4.07 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถรักษาความสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 84% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 26% ขณะที่กระแสเงินสดของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง มีความพร้อมในการลงทุนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในประเทศ APCO ให้ความสำคัญกับการผลักดันผลิตภัณฑ์ Hero Product อย่าง "Cancino" เน้นเรื่องการป้องกันมะเร็ง และ "mylife100/mylife100A" สำหรับการย้อน-ชะลอวัย, ป้องกัน และรักษาอาการอัลไซเมอร์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่เริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการป้องกันโรคมะเร็ง และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังคงเดินหน้าทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ พร้อมตั้งราคาที่จับต้องได้ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น
"ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพในปีนี้มีแนวโน้มเติบโต 10-15% โดยมีกลุ่มผู้บริโภคหลักเป็นคนวัยทำงานอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือมีงานวิจัยรองรับ ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ APCO เชื่อว่าสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มุ่งเน้นการป้องกันโรค และการเสริมภูมิคุ้มกันได้อย่างตรงจุด โดย APCO จัดทำช่องการแนะนำผลิตภัณฑ์สุขภาพใน "โครงการ BIM Advisor" ให้เป็นช่องทางการตลาดที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น" ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้นวัตกรรม "ByeByeHIV" ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้จริงมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์ติดเชื้อ HIV ไร้ผลข้างเคียง มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผลงานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Clinical Immunology & Research ภายใต้หัวข้อ "ByeByeHIV with Thai Innovation" ซึ่งช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภค สร้างฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสความร่วมมือพันธมิตรใหม่
ส่วนการขยายตลาดในไนจีเรีย ลูกค้าเดิมที่เคยเซ็นสัญญาซื้อผลิตภัณฑ์ HIV/AIDS ยังอยู่ในขั้นตอนขออนุมัตินำเข้าและจำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทน รายใหม่ในไนจีเรียที่สนใจให้ผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM เพื่อจำหน่ายในหลายประเทศทั่วแอฟริกา โดยมีกำหนดลงนามสัญญาซื้อผลิตภัณฑ์ 11 รายการ ในวันที่ 4 มิถุนายน 2568
