ทั้งนี้คณะกรรมการพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉินระดับพื้นฐานพิจารณาแล้วและมีมติปฏิเสธการให้มูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) เข้าร่วมในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. จึงได้มีหนังสือถึงมูลนิธิเพชรเกษม เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66
ใจความโดยสรุปว่า กทม. มีหน่วยปฏิบัติการระดับพื้นฐานเพียงพอและมีศักยภาพการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว ประกอบกับที่ผ่านมา มูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) ได้ออกให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่งผลให้เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ จึงเห็นควรให้มูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) ระงับการออกให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเพชรเกษมได้ส่งหนังสือขอขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการแพทย์ฉุกเฉินมายังศูนย์เอราวัณอีกครั้ง ในวันที่ 24 มิ.ย. 68 โดยศูนย์เอราวัณได้นำเสนอเข้าการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบฯ ประจำเดือน มิ.ย. 68 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้ศูนย์เอราวัณสอบถามถึงทรัพยากรที่มีอยู่ของมูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) และพื้นที่ที่จะเข้ามาให้บริการ เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับจากมูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) เพิ่มเติมนำเสนอให้ที่ประชุมฯ พิจารณา โดยขั้นตอนต่อจากนี้ศูนย์เอราวัณจะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของมูลนิธิเพชรเกษม (สาขากรุงเทพ) รวมถึงข้อมูลจากทุกมูลนิธิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมฯ พิจารณาต่อไป
สำหรับแนวทางการพิจารณาและขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย (1) ขึ้นทะเบียนเป็นมูลนิธิ หรือนิติบุคคลในพื้นที่กรุงเทพฯ (2) ประสานกับมูลนิธิที่อยู่ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการ (3) ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (ศูนย์เอราวัณ) ตรวจหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ตามข้อกำหนดของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) (4) นำผลการตรวจหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เสนอคณะกรรมการอนุมัติหน่วย กทม. เพื่ออนุมัติหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (5) นำเสนอต่อสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และ (6) ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (ศูนย์เอราวัณ) สั่งการให้ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ