นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ฟอร์มแข็งแกร่งแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของตลาดไอที โดยมีรายได้จากการขายและบริการกว่า 11,655 ล้านบาท เติบโต 16.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตในทุกกลุ่มสินค้าหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Smartphone และ Apple ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% และมีกำไรสุทธิ 190 ล้านบาท เติบโต 19% ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากยอดขายที่ขยายตัวทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ภายใต้กลยุทธ์เชิงรุก ควบคู่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 22,814 ล้านบาท เติบโต 16.6% กำไรขั้นต้น 871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% และมีกำไรสุทธิ 378 ล้านบาท เติบโต 21.4%
"แม้เศรษฐกิจยังเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและดอกเบี้ยที่ผันผวน แต่ซินเน็คสามารถบริหารจัดการได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมเดินเกมรุกในทุกเซกเมนต์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาอีโคซิสเต็มไอทีที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และโซลูชั่น เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่กำลังเข้าสู่ยุค AI และ Cloud เน้นสินค้านวัตกรรมที่มีมาร์จิ้นสูงและสอดรับเทรนด์ ตลอดจนการเปิดตัว Nintendo Switch 2 การขยายจุดจำหน่าย Apple และการเตรียมอัปเกรดสู่ Windows 11" นางสาวสุธิดากล่าว
สำหรับความสำเร็จในไตรมาส 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple เติบโต 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากไลน์สินค้าที่ครบทุกหมวด เสริมด้วยโปรโมชันหน้าร้านที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การขยายจุดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และกลยุทธ์ Solution-Based Offering เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรและสถาบันการศึกษา
กลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือและอุปกรณ์ เติบโตโดดเด่นอยู่ที่ 46.5% จากแรงหนุนของเทรนด์ AI ที่กระตุ้นรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ เช่น Samsung, Huawei, Honor รวมถึงสมาร์ทวอทช์ที่ยังได้รับความนิยมจากกระแสรักสุขภาพและไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
กลุ่มคอมเมอร์เชียล เติบโต 3.2% จากดีมานด์อัปเกรดสู่ Windows 11 ซึ่งองค์กรจำนวนมากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการปฏิบัติตามมาตรฐาน (Security & Compliance) และการเข้าสู่ยุค AI PC ที่ติดตั้งชิป AI ในตัว ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ทั้งด้าน Productivity และ Collaboration ที่กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในองค์กรยุคดิจิทัล ทำให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญและวางแผนอัปเกรดอุปกรณ์มากยิ่งขึ้น
กลุ่มเอนเตอร์ไพรซ์และโซลูชั่น เติบโต 7.7% จากความต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายความเร็วสูง ผนวกความต้องการซอฟต์แวร์และบริการ Cloud ครบวงจร ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึง As-a-Service ซึ่งเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ
กลุ่มคอนซูเมอร์ กลับมาเติบโต 2.7% จากการเตรียมเปิดตัว Windows 12 พร้อมฟีเจอร์ AI แบบเต็มรูปแบบ และการเปิดตัวชิปกราฟิกรุ่นใหม่ที่กระตุ้นการอัปเกรดอุปกรณ์
กลุ่มเกมมิ่งและแก็ดเจ็ต เป็นอีกหนึ่งกลุ่มไฮไลท์ ที่เติบโตถึง 78.6% จากการเปิดตัว Nintendo Switch 2 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม คาดยอดขายปีนี้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าส่งสินค้าใหม่และเกมใหม่ในรูปแบบแผ่น (Physical Release) เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ และขยายตลาดไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ คาดเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการเติบโตในครึ่งปีหลัง
นางสาวสุธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลงานครึ่งปีแรกที่เติบโตสวนทางฤดูกาลของตลาดไอที เป็นเครื่องยืนยันถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที สำหรับครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดว่าจะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เทรนด์เทคโนโลยี AI, Cloud, E-Commerce และ Digital Payment รวมถึงสินค้านวัตกรรมใหม่ที่จะทยอยเปิดตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันรายได้สู่เป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติในที่ประชุม อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดผลดำเนินงานงวด 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 68 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2568 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นและไว้วางใจซินเน็คฯ อย่างเสมอมา
นอกจากการบริหารงานที่ประสบความสำเร็จแล้ว ซินเน็คยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในกรอบดำเนินงาน 3 มิติหลัก สะท้อนจากรางวัล
- รางวัล AGM Checklist ระดับ 5 ดาว ประจำปี 2568 จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย(TIA)
- SET ESG Ratings ระดับ AA และติดอันดับหุ้นยั่งยืน (Sustainable Stock)
- CGR Score ปี 2567 ระดับ 5 ดาว (Excellent) จากโครงการ CGR 2024
- เกียรติบัตรจากโครงการ ESG DNA 2567 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ
- ติดอันดับ Fortune SEA 500: อันดับ 51 ของไทย
