'Art Beyond Canvas' โดย Dib Bangkok x BU ปิดฉากลงอย่างสวยงาม ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการฯ สร้างบุคลากรคุณภาพให้วงการศิลปะไทย

ปิดฉากลงแล้วอย่างสวยงามสำหรับ "Art Beyond Canvas: Management in Art Industry" หลักสูตรอบรมระยะสั้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Dib Bangkok พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ร่วมกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BU) ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่โลกแห่งศิลปะอย่างมืออาชีพ ผ่านการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและการฝึกงานกับองค์กรชั้นนำระดับท็อปของไทย อาทิ ดร. มิกะ โยชิตาเกะ ภัณฑารักษ์อิสระจากลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และ ศ.ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ประธานอำนวยการและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ เพื่อติวเข้มพร้อมลุยงานจริงอย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการฯ ในการมอบความรู้ที่เข้มข้นและใช้งานได้จริง เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพให้กับวงการศิลปะของไทยต่อไป

Wednesday 17 September 2025 15:00
'Art Beyond Canvas' โดย Dib Bangkok x BU ปิดฉากลงอย่างสวยงาม ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการฯ สร้างบุคลากรคุณภาพให้วงการศิลปะไทย

นับตั้งแต่การประกาศรับสมัครในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้สมัครเป็นจำนวนมาก โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 50 คน ต่างก็ได้รับการติวเข้มเพื่อเสริมทักษะทุกวันเสาร์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย รวมถึงการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จาก อริญชย์ รุ่งแจ้ง ศิลปินไทยร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ที่มาถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาอัตลักษณ์ทางศิลปะและบทบาทของศิลปิน และ Sara Mao ผู้อำนวยการสถาบัน Christie's Education เอเชียแปซิฟิกที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดศิลปะระดับโลก และเจาะลึกถึงช่องทางต่างๆ ในการสะสมผลงานศิลปะ

การพัฒนาอัตลักษณ์ทางศิลปะและบทบาทของศิลปิน ในบริบทท้องถิ่นและระดับนานาชาติ

ถ่ายทอดผ่านมุมมองของ 'อริญชย์ รุ่งแจ้ง'

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การพัฒนาอัตลักษณ์ทางศิลปะและบทบาทของศิลปินให้เป็นที่จดจำเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวและมีความเชื่อมโยงกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรม อริญชย์ รุ่งแจ้ง ศิลปินไทยร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ร่วมไทยแลนด์เบียนนาเล่ ภูเก็ต 2025 แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ผ่านการบรรยายในหัวข้อ "บทบาทของศิลปินในบริบทของท้องถิ่นและในระดับนานาชาติ"" เพื่อเจาะลึกถึงแก่นของการสร้างตัวตนและคุณค่าในงานศิลปะ

อริญชย์เล่าว่า สำหรับบทบาทของของศิลปินเป็นมากกว่าแค่การสร้างตัวตน หากแต่เป็นการร้อยเรียงเรื่องราวและคุณค่าของศิลปินเข้าไปในผลงาน เขาอยากให้ศิลปินรุ่นใหม่เริ่มจากการสำรวจรากเหง้าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือเรื่องเล่าในตำนานพื้นบ้าน เพื่อเข้าใจถึงบทบาทของศิลปะที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละยุคสมัย อีกทั้งตระหนักรู้ถึงการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ผ่านศิลปะของผู้มีอำนาจ การเข้าใจถึงมิติเหล่านี้จะช่วยให้ศิลปินสามารถใช้ 'ศิลปะ' เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังที่เชื่อมโยงกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้ง

ศิลปะเป็นเครื่องมือสื่อสาร: จากตำนานสู่ Propaganda

อริญชย์หยิบยกผลงานจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร (กรุงเทพฯ) ของจิตรกรเอกสมัยรัชกาลที่ 4 อย่าง 'ขรัวอินโข่ง' ซึ่งผสมผสานศิลปะแบบไทยเข้ากับศิลปะตะวันตกได้อย่างมีอัตลักษณ์ มีการนำวิทยาการสมัยใหม่ที่รัชกาลที่ 4 ทรงสนพระทัยมาใส่ไว้ในผลงาน ทำให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังของขรัวอินโข่งไม่ได้มีแต่เรื่องราวทางพุทธศาสนาตามขนบ หากแต่ยังสอดแทรกเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์และปริศนาธรรมต่าง ๆ ไว้อย่างแนบเนียน

นอกจากนี้ เขายังพูดถึงผลงานของศิลปินต่างชาติ ที่จะนำมาจัดแสดงในไทยแลนด์เบียนนาเล่ ภูเก็ต 2025 เพื่ออธิบายถึงบทบาทของศิลปินร่วมสมัยและกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานที่เชื่อมโยงกับบริบทท้องถิ่นและประเด็นสากล อาทิ Suzanne Kite ศิลปินชาวพื้นเมืองอเมริกันคนแรกที่นำภูมิปัญญาของชาว Ogl?la Lak??ta มาผสมผสานกับ AI เกิดเป็นผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว, Ayoung Kim ศิลปินหญิงชาวเกาหลีใต้ที่โดดเด่นในด้านศิลปะดิจิทัลและศิลปะจัดวาง และ Pauline Curnier Jardin ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ทำงานร่วมกับกลุ่ม Feel Good Cooperative เพื่อสะท้อนภาพคนชายขอบและ sex workers ในเชิงสร้างสรรค์

ไม่ว่าศิลปินจะสร้างสรรค์ผลงานเพื่อ 'คุณค่าทางศิลปะ' หรือ 'มูลค่าทางธุรกิจ' ก็ล้วนแล้วแต่มีคนชื่นชมและสนับสนุนผลงานของศิลปินไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน ดังนั้น คุณค่าที่แท้จริงของผลงานจึงขึ้นอยู่กับตัวศิลปิน ที่ต้องเลือกว่าจะสร้างผลงานให้ผู้คนได้ชื่นชมถึงคุณค่า หรือสร้างงานศิลปะที่มีมูลค่า ที่สำคัญควรคำนึงถึงความเป็นปัจเจกและอัตลักษณ์ตัวตนในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยไม่พยายามเสแสร้งสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา แต่ศิลปินควรสร้างงานศิลปะที่มีคุณค่าในตัวเอง

ท่องไปในระบบนิเวศศิลปะโลก

อีกหนึ่งช่วงที่น่าสนใจ คือการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "The US$60 Billion Dollar Business of Art [The Global Art Market]" โดย Sara Mao ผู้อำนวยการสถาบัน Christie's Education ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะเอเชีย และคร่ำหวอดในวงการธุรกิจศิลปะ และการจัดการประมูลผลงานศิลปะในคอลเลคชั่นสำคัญๆ ซาร่าได้ให้ทัศนะต่อภาพรวมของระบบนิเวศศิลปะโลกในปัจจุบัน ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงและน่าสนใจอย่างมาก

ซาร่าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปิน, แกลเลอรี, ตัวแทนขายผลงานศิลปะ (Art Dealers), นักสะสม (Collectors), สถาบันทางศิลปะ (Public Institutions), สถานที่จัดการประมูล (Auction Houses), ภัณฑารักษ์ และนักวิจารณ์งานศิลปะ ไปจนถึงงานเทศกาลศิลปะเบียนนาเล่ (Biennale) และArt Fair ทั่วโลก เชื่อมโยงกันไปมาเพื่อสร้างระบบนิเวศที่มีปฏิสัมพันธ์และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แม้โลกของการประมูลอาจทำให้ศิลปินหลายคนรู้สึกว่าเข้าถึงยากและน่ากังวล แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คิด Christie's เปิดกว้างสำหรับศิลปินทุกคน สิ่งสำคัญที่ซาร่าอยากจะฝากถึงศิลปินรุ่นใหม่คือ คุณต้องรู้จักสร้างอัตลักษณ์ในการสร้างสรรค์งานศิลปะของตัวเอง และทำความเข้าใจระบบนิเวศศิลปะโลก เพื่อค้นหาเส้นทางที่ใช่และก้าวเดินต่อไปในแบบของตัวเอง

จากศิลปะสู่สินทรัพย์: ถอดรหัสการลงทุนจากคอลเล็กชัน Paul G. Allen

เพื่อให้เห็นภาพความสัมพันธ์เชิงธุรกิจกับศิลปะได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบทบาทของบริษัทประมูลงานศิลปะ (Auction House) และการเลือกแกลเลอรี่จัดแสดงผลงานที่มีความสำคัญอย่างมาก ซาร่าได้หยิบยกปรากฏการณ์ 'The Gagosian Effect' ที่สะท้อนถึงอิทธิพลมหาศาลของGagosian Gallery แกลเลอรีศิลปะที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งโดย Larry Gagosianผู้ทำให้ระบบตลาดศิลปะโลกถูกขับเคลื่อนโดยแกลเลอรีขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง

แกลเลอรีเหล่านี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนให้ศิลปินระดับโลก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนมูลค่าผ่านการจัดนิทรรศการ การซื้อผลงานชิ้นสำคัญในงานประมูลระดับโลกเพื่อสร้างสถิติใหม่ และการจัดการซื้อขายแบบส่วนตัว (Private Sales) ให้กับนักสะสมรายใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลและไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกแกลเลอรีที่เหมาะสมและการเข้าใจพลวัตของตลาด คือทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับนักจัดการศิลปะมืออาชีพ

นอกจากนี้ เธอยังหยิบยกการประมูลครั้งประวัติศาสตร์ "The Paul G. Allen Collection" คอลเล็กชันสะสมงานศิลปะและของสะสมส่วนตัวของ Paul G. Allen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft หลังจากนำออกประมูลที่ Christie's ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 และสร้างสถิติการประมูลสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท) ถือเป็นหนึ่งในคอลเล็กชันส่วนตัวที่มีชื่อเสียงและมีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังการประมูลที่ Christie's และกลายเป็นการประมูลงานสะสมส่วนตัวที่ทำยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท) ซึ่งรายได้ทั้งหมดได้มอบให้กับองค์กรการกุศลตามความประสงค์ของพอล อัลเลน

เจาะลึกเทรนด์หลักที่ขับเคลื่อนตลาดศิลปะโลก

ซาร่ายังพูดถึงการเติบโตของตลาดศิลปะทั่วโลกในปี พ.ศ. 2567 แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ถึงอย่างนั้น ตลาดเอเชียโดยเฉพาะ 'จีน' ยังคงเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจีนได้ก้าวขึ้นเป็นตลาดศิลปะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกรองจากสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับการเติบโตของ Private Sales ที่พุ่งขึ้นถึง 14% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 40.5 ล้านดอลลาร์ฯ

ขณะที่ตลาดหลักอย่างอเมริกา อังกฤษ และจีน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดออนไลน์โดยรวมจะมีการชะลอตัวลง 11% จากที่เคยพุ่งสูงถึง 76% หลังยุคโควิด ทว่าช่องทางออนไลน์ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศศิลปะ การเติบโตนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่นักสะสมรุ่นใหม่ซึ่งคุ้นเคยกับเทคโนโลยีหันมาซื้อขายงานศิลปะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ทว่าผลงานที่มีมูลค่าสูงส่วนใหญ่ยังคงซื้อขายผ่านการประมูล และกลุ่มศิลปะเอเชียที่เติบโตถึง 28% คิดเป็นมูลค่า 156 ล้านดอลลาร์ฯ ในปีที่ผ่านมา

แม้ตลาดระดับไฮเอนด์จะมีความผันผวน แต่ตลาดงานศิลปะในราคาที่เข้าถึงง่าย (Affordable Art) กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลงานที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ความต้องการงานศิลปะบนกระดาษ งานพิมพ์ และงานศิลปะที่ไม่จำกัดเฉพาะภาพวาด แต่รวมถึงประติมากรรมเคลื่อนที่ (Kinetic Art) ก็เป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง เช่นเดียวกับกระแส 'Ultra-Contemporary Art' ผลงานของศิลปินที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2518 ที่เรียกว่า 'Ultra-Contemporary Artists' ได้รับความสนใจอย่างมากจากแกลเลอรีและนักสะสมทั่วโลก

ซาร่ายังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ศิลปินไม่ใช่แค่ผู้สร้างผลงานศิลปะในฐานะผู้มีพรสวรรค์หรือแม้แต่อัจฉริยะ พวกเขาต้องการการสนับสนุนจากแกลเลอรี ภัณฑารักษ์ นักสะสม ไปจนถึงสถาบันประมูล บทบาทของ Christie'sจึงมากกว่าการจัดประมูลงานศิลปะ หากแต่ Christie'sยังให้ความสำคัญกับผู้ชมในวงกว้าง ซึ่งแต่ละบริษัทจัดการประมูลต่างก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธออยากให้ศิลปินเข้าใจถึงธุรกิจศิลปะ และระบบนิเวศศิลปะโลก

หลักสูตร "Art Beyond Canvas: Management in Art Industry" ไม่เพียงให้ความรู้ทางทฤษฎี แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายและมอบประสบการณ์จริงผ่านการฝึกงานกับองค์กรศิลปะชั้นนำของประเทศ เพื่อให้ผู้อบรมสามารถนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้และต่อยอดสู่เส้นทางอาชีพในวงการศิลปะได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นภัณฑารักษ์ ผู้จัดการนิทรรศการ นักอนุรักษ์ศิลปะ ฯลฯ การผนึกกำลังระหว่าง Dib Bangkok และ มหาวิทยาลัยกรุงเทพในครั้งนี้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบุคลากรด้านการจัดการศิลปะของไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ

กดติดตามไว้เลยสำหรับคนที่ไม่อยากพลาดหลักสูตรพิเศษ ที่จะทำให้คุณก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพตัวจริง หรือศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร Art Beyond Canvas: Management in Art Industryได้ที่นี่

  • เว็บไซต์: https://dibbangkok.org/ และ https://www.bu.ac.th/th/featured-stories/1858
  • IG: https://www.instagram.com/dibbangkok/