นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยว่า ได้พบหารือนางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น อาร์ตทอย ตัวคาแรคเตอร์ ที่นำมาวางจำหน่ายในเครือศูนย์การค้าสยามพิวรรธน์ อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและสามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ โดยที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกอบการยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ของตน โดยเฉพาะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกก๊อปปี้หรือลอกเลียนแบบผลงาน เนื่องจากไม่ได้ยื่นจดทะเบียนขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาผลงานสร้างสรรค์ดังกล่าว เช่น วางจำหน่ายโดยไม่มีแบรนด์และไม่ได้จดเครื่องหมายการค้า ไม่ได้จดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ได้จดแจ้งผลงานลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังขาดความรู้ด้านการประเมินมูลค่าผลงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะกรณีที่จะไลเซนส์ (License) ผลงานเพื่อให้ผู้อื่นไปผลิตต่อ เป็นต้น ทำให้เมื่อผลงานได้รับความนิยม มักเกิดปัญหาการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและไม่สามารถบังคับใช้สิทธิหรือเอาผิดกับผู้กระทำละเมิดได้ ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องที่จะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ด้านกลยุทธ์การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาให้กับผู้ประกอบการสินค้าสร้างสรรค์ในเครือข่าย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาในมิติต่างๆ ทั้งการจดทะเบียนขอรับความคุ้มครองเพื่อเป็นเกราะป้องกันในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การต่อยอดใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยติดอาวุธและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดังกล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ แจ้งว่า พร้อมสนับสนุนพื้นที่ศูนย์การค้าในเครือ เพื่อให้ผู้ประกอบการสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ได้มีโอกาสนำสินค้ามาวางจำหน่ายและได้พบกับผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าชุมชนที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับ สู่ตลาดสินค้าพรีเมียม เนื่องจากเล็งเห็นคุณค่าและศักยภาพของสินค้า GI ไทยจากท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ผลไม้ อาหาร ผืนผ้า ฯลฯ ล้วนสามารถถ่ายทอดอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย เจาะกลุ่มผู้บริโภคในเมืองใหญ่และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงได้ นับเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้น จากที่ในปี 2568 สินค้า GI ไทยสร้างมูลค่าการตลาดรวมกว่า 82,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีมูลค่าการตลาดสินค้า GI ไทย 76,000 ล้านบาท)
การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็งของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยอาศัย "ทรัพย์สินทางปัญญา" เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน สอดรับกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การนำของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME และการเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย เพื่อต่อยอดโอกาสของภาคธุรกิจไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
