สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดการเงินโลกจะให้ความสนใจกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) โดยคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 25bp เป็น 3.75-4.00% ขณะที่เงินเฟ้อเดือนก.ย.ของสหรัฐฯต่ำกว่าคาดเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นถูกชดเชยบางส่วนด้วยการชะลอตัวของค่าเช่า นักลงทุนจะติดตามโทนการสื่อสารของเฟดและการยุติมาตรการ Quantitative Tightening ต่อไป ทางด้านบีโอเจและอีซีบีมีแนวโน้มคงนโยบายตามเดิม นอกจากนี้ การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับจีนในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) สร้างความคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงเพื่อเปิดทางสู่การเจรจาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นขณะที่รมต.คลังสหรัฐฯกล่าวว่าจะยกเลิกแผนเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน เนื่องจากคาดว่าจีนจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นและชะลอการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากชุดใหม่
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/68 อาจเติบโต 1.5% y-o-y แต่หดตัว 0.5% q-o-q ก่อนที่จะขยายตัว 1.3% y-o-y และ 0.5% q-o-q ในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเป็นบวกในไตรมาส 2/69 และเน้นย้ำว่าความเสี่ยงเงินฝืดอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากราคาสินค้าไม่ได้ลดลงเป็นวงกว้าง