รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ต่ำที่ได้รับผลกระทบซ้ำซากนำไปสู่การสูญเสียหลายด้านนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่เคยนิ่งนอนใจต่อความทุกข์ยากของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรพื้นที่ตำบลผักขวง อำเภอทองแสนขัน ได้รับผลกระทบจากน้ำหลาก ทำให้ สะพานส่งน้ำคลองสายใหญ่ กม.14+200 ชำรุดเสียหาย จนไม่สามารถส่งน้ำให้เกษตรกรได้ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชลประทานกว่า 10,000 ไร่ เกษตรกรจำนวนมากขาดแหล่งน้ำสำหรับทำการเพาะปลูก จึงได้สั่งการกรมชลประทานให้ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลหนักเข้าดำเนินการฟื้นฟูและบรรเทาผลกระทบทันที เร่งขุดลอกตะกอนและวัชพืชอุดตันตามคลองส่งน้ำ ทำความสะอาดลำคลอง และซ่อมแซมสะพานส่งน้ำ กม.14+200 ตลอดจนเพิ่มเครื่องสูบน้ำจำนวน 3 เครื่อง โดยในวันนี้ได้ให้เกียรติกดปุ่มเปิดแผงเครื่องคุมเครื่องสูบน้ำในงานเพื่อบรรเทาปัญหาภาคการเกษตรที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรในพื้นที่ ตลอดจนสั่งการให้เร่งวางแผนระยะยาวต่อไป
สำหรับสถานการณ์ด้านการเกษตรของจังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่า เกษตรกรได้รับความเสียหาย 5,758 ราย แบ่งเป็นด้านพืช 54,783 ไร่ ประกอบด้วย นาข้าว 41,420 ไร่ พืชไร่/พืชผัก 12,525 ไร่ และไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่นๆ 838 ไร่ ด้านปศุสัตว์ ประกอบด้วย โค กระบือ สุกร ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ รวม 188,866 ตัว ด้านประมง ปลากระชัง 1,791 ตรม. ด้านสหกรณ์ 9 แห่ง และด้านหม่อนไหม ประกอบด้วย กลุ่มทอผ้าไหม 7 กลุ่ม แปลงหม่อน 39 ไร่ โรงเลี้ยงไหม 2 โรง และรังไหม จำนวน 19 กล่อง
นอกจากนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ได้มอบถุงยังชีพ ปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยตลอดจนรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาราคาข้าว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทยต่อไป