กลุ่มบริษัทบางจากรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งท่ามกลางภาวะตลาดพลังงานที่ยังคงผันผวน มีรายได้จากการขายและให้บริการ 123,305 ล้านบาท EBITDA 10,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 3,186 ล้านบาท มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 1,108 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.80 บาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ของกลุ่มบริษัทบางจากที่สะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากทั้งโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ซึ่งมีค่าการกลั่นพื้นฐานขึ้นเป็น 7.38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จาก Crack Spread ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลงในไตรมาสนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบางจากฯ ไว้ที่ระดับ "A+" แนวโน้ม "คงที่" ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง สะท้อนความแข็งแกร่งของสถานะทางธุรกิจและโครงสร้างการเงิน โดยแนวโน้มไตรมาส 4 มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก ภายหลังการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ประกอบกับ GRM และยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทบางจากได้เปิดใช้ท่าเรือรับเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่มาก (Very Large Crude Carrier: VLCC) ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบ ตลอดจนยกระดับความสามารถการแข่งขันของกลุ่มบริษัทฯ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมยังมีบทบาทในการสร้างรายได้และโอกาสในการเติบโตที่สำคัญของบริษัทฯ ซึ่งช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางธุรกิจ สนับสนุนการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายให้มีความสมดุลยิ่งขึ้น ส่วนกระบวนการเพิกถอนหลักทรัพย์ของ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer)
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในไตรมาส 3 ของปี 2568 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีรายได้ 99,851 ล้านบาท และมี EBITDA 2,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงปีก่อน จากค่าการกลั่นพื้นฐานที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7.38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จาก 4.45 เหรียญในไตรมาสก่อน ตามการปรับตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Middle Distillates ได้แก่ น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน ซึ่งขยายตัวจากข้อจำกัดด้านอุปทานในตลาดโลก ประกอบกับต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลงและส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ต่ำกว่าน้ำมันดิบดูไบ (DTD-DB) ส่งผลให้ค่าการกลั่นโดยรวมปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนหน้าช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มธุรกิจนี้
กลุ่มธุรกิจการตลาด มีรายได้ 88,200 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 7 จากปีก่อน แต่สามารถสร้าง EBITDA ได้ 1,629 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดร้อยละ 38 จากไตรมาสก่อน และมากกว่าร้อยละ 100 จากปีก่อน จากค่าการตลาดสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 0.85 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับมาร์จิ้นที่สูงขึ้นของน้ำมันเรือเดินสมุทร (Marine Fuels) และการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทางที่มีค่าการตลาดสูง
บางจากฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกไว้ได้ที่ร้อยละ 29 พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายค้าปลีกและยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ภายใต้แนวคิด "Greenovative Destination for Intergeneration" โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 มีสถานีบริการน้ำมันรวม 2,173 แห่ง จุดชาร์จ EV 502 แห่ง และร้านกาแฟอินทนิลกว่า 1,108 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มีรายได้ 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA 1,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 23 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว จากปริมาณน้ำที่มากขึ้นตามฤดูกาล รวมถึงการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้งโครงการของโรงไฟฟ้าพลังงานลมใน สปป.ลาวในช่วงไตรมาสนี้ นอกจากนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 757 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งจากค่าความพร้อมจ่าย (Capacity Revenue) และปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในฤดูร้อนของสหรัฐฯ
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีรายได้ 4,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA 286 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 78 จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอทานอลจากการเดินเครื่องผลิตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ส่วนไบโอดีเซล (B100) ได้รับแรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีรายได้ 7,056 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 26 จากปีก่อน และมี EBITDA 4,039 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 40 จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตที่สูงกว่าประมาณการ และปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากการเริ่มผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของหลุมผลิต Sognefjord East ในแหล่งผลิต Brage ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม รวมทั้งราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาตลาดโลก ทั้งนี้ แม้จะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากรายการด้อยค่าจากการปรับลดปริมาณสำรองและราคาน้ำมันคาดการณ์ล่วงหน้า (Forward Price) แต่ OKEA ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 กลุ่มบริษัทบางจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 383,780 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 26,600 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 แต่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ 6,184 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันได้รับผลกระทบจาก Inventory Loss ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.27 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง และส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเบรนท์-ดูไบ ที่ปรับลดลง เอื้อต่อการผลิตของกลุ่มบริษัทบางจาก
กลุ่มธุรกิจการตลาดยังคงมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงในตลาดอุตสาหกรรม แม้ค่าการตลาดสุทธิอ่อนตัวลง ส่วนกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดมีกำไรลดลงจากการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ และการขายโครงการในญี่ปุ่น แต่ได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชีวภาพยังคงรักษากำไรได้จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเฉลี่ยและปริมาณขายที่ลดลงหลังการขายแหล่งผลิต Yme ปลายปีก่อน ทั้งนี้ ในรอบ9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 663 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.48 บาท
ด้านสรุปฐานะการเงิน กลุ่มบริษัทบางจากมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27,248 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 307,306 ล้านบาท หนี้สินรวม 224,331 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 82,975 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนของบริษัทใหญ่ 57,996 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 1.12 เท่า