ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีรายได้จากการขาย 972.29 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก
- รายได้ของธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ลดลงร้อยละ 70 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจากบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เป็นตัวแทนจำหน่าย (Authorized Distributor) ในบางประเทศ ส่งผลให้การรับรู้รายได้เปลี่ยนแปลงจากยอดขายจากลูกค้า (End Customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale Price)
- อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตของยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม SPARKLE ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ซึ่งยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
- สำหรับรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า โดยมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็น LESASHA แบรนด์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม ซึ่งครองความนิยมในคลาดไทยมาอย่างยาวนาน
ขณะที่ต้นทุนขายรวมอยู่ที่ 388.69 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.42 สาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้กำลังการผลิตเต็มความสามารถ (Full Capacity Utilization) ส่งผลให้เกิดความประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) นอกจากนี้ ไตรมาสนี้ไม่มีการขายสินค้าครั้งใหญ่ (Big lot) ในต่างประเทศ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารรวม 546.94 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.18 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายตามนโยบายของบริษัทฯ และการปรับกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดพร้อมขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ (Net Profit) 50.41 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 5.01 เมื่อเทียบกับรายได้รวม และเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.07 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ ปรับตัวอย่างรอบคอบให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมบูรณาการกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพขององค์กร ให้สามารถรองรับความท้าทายและรักษาศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว