"ถิรไทย" (TRT) เดินหน้าปี 2569 ด้วยทิศทางเติบโตชัดเจน หลังตุนงานในมือแน่น 1,700 ล้านบาท พร้อมคาดรายได้ปีหน้าแตะ 3,000 ล้านบาท หนุนจากดีมานด์หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขณะที่งานภาครัฐเริ่มขยับปลายปีนี้ พร้อมการขยายตัวของ Data Center ที่ต้องใช้พลังงานไฟเยอะ ดันภาพรวมอุตสาหกรรมไฟฟ้ากลับมาคึกคัก
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมบริษัทฯว่า ภาพรวมผลดำเนินงานปี 2568 คาดปิดรายได้รวมราว 2,000 ล้านบาท แม้มีผลกระทบจากการเลื่อนรับรู้รายได้หลายโครงการ แต่บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นตามกรอบนโยบายไว้ที่ 20%
โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 1,700 ล้านบาท และยังมีงานใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการที่เลื่อนจากปีนี้ รวมถึงงานระยะยาวจากลูกค้าต่างประเทศ ส่งผลให้ในปี 2569 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้รวม ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 750 ล้านบาทต่อไตรมาส
หนึ่งในปัจจัยบวกสำคัญ คือ การเติบโตของตลาดส่งออก โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา หลังอุตสาหกรรมในสหรัฐมีความต้องการหม้อแปลงสูง แต่หลีกเลี่ยงการนำเข้าจากจีน บริษัทจึงได้รับออเดอร์หม้อแปลงขนาดใหญ่จากลูกค้ารายสำคัญแล้ว
ซึ่งตลาด ยุโรป ก็มีแนวโน้มเชิงบวกเช่นกัน คาดเริ่มรับงานในปี 2569 ต่อเนื่องไปถึง 2571 ส่งผลให้ถิรไทยมีงานระยะยาวในมือสำหรับ 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ส่งออกปีหน้า คาดอยู่ที่ประมาณ 33% ของรายได้รวม
นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการขยาย Data Center ในหลายประเทศ เป็นแรงขับสำคัญของอุตสาหกรรมหม้อแปลง ส่งผลดีต่อคำสั่งซื้อในภาพรวม แม้จะมีเสียงตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในบางประเทศก็ตาม ขณะเดียวกันฝั่ง ภาครัฐ เริ่มขับเคลื่อนโครงการสำคัญปลายปี 2568 หลังผ่านช่วงความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในรูปแบบงานใหม่ในปี 2569
ปัจจุบันบริษัทฯ เดินหน้ากระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) มากขึ้น ทั้งเพิ่มแหล่งจัดหาจากเกาหลี ญี่ปุ่น และเริ่มขยายไปยังอินเดีย รวมถึงเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อให้รับมือต้นทุนผันผวนและการส่งมอบล่าช้าได้ดีขึ้น
"ในปี 2569 บริษัทเตรียมลงทุนในเครื่องจักรใหม่ การเพิ่มกำลังผลิต และการพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อรองรับงานต่างประเทศที่เริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายคือการสร้างความสามารถแข่งขันระยะยาวและเติบโตอย่างยั่งยืน" นายสัมพันธ์ กล่าวปิดท้าย