พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ กล่าวว่า สุขภาวะของพระสงฆ์เป็นหนึ่งในปัจจัยของการเผยแพร่และความยั่งยืนแห่งพระพุทธศาสนา ดังนั้นธรรมนิเทศด้านสุขภาวะ จึงเป็นการแสดงหลักธรรมคำสั่งสอน ที่สอดแทรกเรื่องสุขภาวะ โดยมี "พระคิลานุปัฏฐาก" หรือ "พระ อสว." ทำหน้าที่ให้ความรู้ สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกัน ควบคุมโรค และจัดการภัยสุขภาพของพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัย และหากพระสงฆ์มีสุขภาพดี มีความรอบรู้และเป็นแบบอย่างที่ดีด้านสุขภาพ ก็สามารถทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำด้านสุขภาวะชุมชน ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพในการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ เพื่อเป็นแกนนำในการดูแลสุขภาพของประชาชนและพระสงฆ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยประยุกต์หลักการเผยแพร่หลักธรรมร่วมกับความรู้ด้านสุขภาพ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาวะของชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับวัดเป็นศูนย์กลางสร้างสังคมสุขภาวะต่อไป
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โรค NCDs ถือเป็นปัญหาที่คุกคามสุขภาพของพระสงฆ์ ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดูแลส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลรักษา และฟื้นฟูสภาพร่างกาย และดำเนินการขับเคลื่อนงานพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ ตามกรอบแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยการยกระดับวัดส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้พระสงฆ์มีสุขภาวะที่ดีตามแนวทางเวชศาสตร์วิถีชีวิต และพระคิลานุปัฏฐากมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยเชื่อมโยงระหว่างวัดและชุมชน มุ่งให้เกิด "พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข" ส่งผลให้ขณะนี้ มีผู้นำทางศาสนาด้านสุขภาพ จำนวน 21,974 รูป ศาสนสถานส่งเสริมสุขภาพ จำนวน 20,833 แห่ง
นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พระสงฆ์เป็นบุคคลที่ประชาชนให้ ความเคารพ เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่พึ่งและเข้าถึงประชาชนในชุมชน กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพพระธรรมนิเทศด้านสุขภาวะ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้พระสงฆ์เป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคม มีความรู้ ทักษะ ให้คำแนะนำ ดูแลพระสงฆ์ภายในวัด และสามารถเทศน์โดยสอดแทรกเนื้อหาด้านการดูแลสุขภาพให้กับผู้สูงอายุและประชาชนนำไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนการดูแลสุขภาวะพระสงฆ์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญาและทางสังคม ตลอดจนการจัดการสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ โดยการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พระเถรานุเถระ พระคิลานุปัฏฐาก ผู้บริหาร วิทยากร ผู้รับผิดชอบงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และภาคีเครือข่าย ณ วัดพูนพิมลราช และผ่านระบบออนไลน์ (Video Conference) จำนวนรวม 300 รูป/คน
