"กรดไหลย้อน" คือภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร เกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนปลาย การบีบตัวของกระเพาะอาหาร รวมถึงพฤติกรรมการกินของเราเองก็เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ
แม้ "กรดไหลย้อน" จะไม่ใช่โรคใหม่ แต่จำนวนผู้ป่วยก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายคนปล่อยไว้จนกลายเป็นเรื้อรัง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร ได้!..
อาการสำคัญที่พบบ่อย
- แสบร้อนกลางอก บริเวณลิ้นปี่ โดยเฉพาะหลังอาหาร
- รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ
- มีอาหารย้อนขึ้นมาที่ปากหรือคอ
- จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
อาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- เจ็บหน้าอกที่ไม่ได้เกี่ยวกับโรคหัวใจ
- เสียงแหบเรื้อรัง เสียงเปลี่ยน
- ไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
- กลืนลำบาก เหมือนมีก้อนจุกในคอ
กรดไหลย้อนไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ หากเริ่มมีอาการที่บ่งบอกว่าอาจเป็นกรดไหลย้อน ควรรีบมาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหาร ประเมินอาการและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคพัฒนาไปสู่ภาวะเรื้อรังที่อาจทำร้ายสุขภาพในระยะยาวได้...
การป้องกันรักษาโรคกรดไหลย้อนที่ดีที่สุด คือ การปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เช่น
- ไม่ทานอาหารรสจัด เปรี้ยว เผ็ด อาหารมัน หมักดอง
- หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป
- ไม่นอนทันทีหลังทานอาหาร ควรรออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
ทั้งนี้หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือทานยาลดกรดควบคู่กันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวัดกรดในหลอดอาหาร 24 ชั่วโมง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และอาจจำเป็นต้องส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบน เพื่อดูว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่
รู้สาเหตุ-เข้าใจอาการ 'โรคกรดไหลย้อน' ควรตรวจและรักษาอย่างไร? อ่านข้อมูลเพิ่มเติม >> https://www.ram-hosp.co.th/th/news_detail/257
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมRAM Care Connect 1512 ต่อ 2999Line Official : @ramhospital