นอกจากนี้ กลุ่มเจมาร์ทยังสะท้อนพัฒนาการด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจน โดย JMART ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ระดับ AA ปรับเพิ่มจากปีก่อน ขณะที่ JMT ยกระดับคะแนนจาก BBB สู่ระดับ A ส่วน JAS Asset (J) ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ระดับ BBB เป็นครั้งแรก จากบทบาทการพัฒนาศูนย์การค้าชุมชนที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชน สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต ตอกย้ำศักยภาพด้วย SET ESG Ratings ประกาศ JMART - JMT - J - SGC ยกระดับคะแนนด้านความยั่งยืน
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า การได้รับคัดเลือกอยู่ใน SET100 และ SET ESG Index ต่อเนื่อง รวมถึงการยกระดับคะแนน จากการประเมิน SET ESG Ratings สู่ระดับ AA เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนศักยภาพการเติบโตและการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวว่า บริษัทสามารถยกระดับคะแนนจาก BBB ในปีก่อนหน้า ขึ้นสู่ระดับ A ในปีนี้ เป็นผลจากการดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการบริหารหนี้อย่างรับผิดชอบ ช่วยลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J กล่าวว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านการประเมิน SET ESG Ratings ระดับ BBB ประจำปี 2568 ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่บริษัทได้รับการจัดอันดับด้านความยั่งยืน ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ โดยศูนย์การค้าชุมชนของ JAS Asset ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพชีวิต ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชน สิ่งแวดล้อม และการเติบโตในระยะยาว
นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) ระดับ A ประจำปี 2568 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงและคุณภาพสินเชื่ออย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ในทุกมิติ ทั้งนี้ SGC ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลทางการเงินอย่าง SG FINANCE+ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงสินเชื่อ ลดการใช้ทรัพยากรและเอกสาร พร้อมยกระดับธรรมาภิบาล กระบวนการอนุมัติสินเชื่อ และการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจและสังคมในระยะยาวอย่างยั่งยืน