นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้คณะกรรมการ TK มีมติให้ลดทุนจดทะเบียนและลดจำนวนหุ้นจาก 3,574 ล้านบาท เหลือ 223.4 ล้านบาท และดำเนินการล้างผลขาดทุนสะสมส่วนที่เหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ TKD มีทุนคงเหลือสุทธิทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานบริหารลูกหนี้ในอนาคต โดยที่ TK ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่ประการใด และจะไม่มีผลกระทบในทางลบต่อผลประกอบการโดยรวมของ TK
นางสาวปฐมากล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสสองของปีนี้ว่า TK มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 แล้ว สอดรับกับตัวเลขการขายรถจักรยานยนต์ปี 2554 ที่คาดว่าน่าจะทำสถิติใหม่มากกว่า 2 ล้านคันทั่วประเทศ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ กำไรพุ่งจาก 257.53 ล้านบาทเมื่อสิ้นสุดไตรมาสสองของปีที่แล้ว มาเป็น 316.99 ล้านบาทในไตรมาสสองของปีนี้ คิดเป็นอัตราเติบโต 23%
ผลประกอบการที่ดีของบริษัทอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ไตรมาสติดต่อกัน เกิดจากการใช้ความระมัดระวังในการให้สินเชื่อ โดยไม่เน้นแข่งขันด้านราคา ประกอบกับในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการให้บริการออกไปตามต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จนปัจจุบันมีสาขากว่า 78 แห่ง ใน 45 จังหวัดทั่วประเทศ และจากการคาดการณ์ในปีนี้การจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีโอกาสสร้างสถิติใหม่กว่า 2 ล้านคัน เป็นผลเนื่องมาจากปัจจัยบวกทางด้านการเมืองที่ได้รัฐบาลใหม่ และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ทำให้ TK จะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ลูกหนี้เช่าซื้อเติบโต 9.4% อยู่ที่ 8,005.80 ล้านบาท ทำกำไรในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 317 ล้านบาท หรือขยายตัว 23% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2553 และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะยังคงที่ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีอย่างแน่นอน