การแพร่ระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นของ Covid-19 ในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมทางธุรกิจ ในขณะที่มาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้จนถึงปี 2565 อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าธนาคารจะยังคงรักษาระดับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่สมเหตุสมผลและน่าจะช่วยให้รับมือกับกับระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้ (downside risk) ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารที่ระดับปัจจุบัน
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์รวมสำหรับธนาคารไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในครึ่งแรกของปี 2564 มาอยู่ที่ระดับ 1.2% (2563: 0.9%) อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าแรงกดดันจะกลับมาในครึ่งหลังของปี 2564 ระดับการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดยังอยู่ในระดับสูงโดยคิดเป็น 47% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองในครึ่งปีแรกของปี 2564 (2563: 53%) ส่งผลให้ระดับอัตราส่วนสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับมาอยู่ที่ 152% ในขณะที่เงินกองทุนชั้นที่1ที่เป็นส่วนของเจ้าของของภาคการธนาคาร (common equity tier 1) อยู่ที่ 16.3% ในเดือนพฤษภาคม 2564 และฟิทช์คาดว่าภาคการธนาคารไทยจะยังคงรักษาระดับของอัตราส่วนดังกล่าวนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง รายงาน "Thai Banks Dashboard: 1H21 Results" สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com
ที่มา: ฟิทช์เรทติ้งส์