"CIVIL เล็กพริกขี้หนู" ชูปัจจัยบวก 4 ด้าน พร้อมได้รับการประเมินราคาเป้าหมายใหม่ 7.70 บาทต่อหุ้น

พฤหัส ๐๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ ๑๑:๐๙
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาบริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ บล.บัวหลวง ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น CIVIL ใหม่ที่  7.70 บาท โดย re - rate PER target เพิ่มขึ้นเป็น 20 เท่า จากเดิม 14 เท่า จากปัจจัยบวก 4 ด้าน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาพการเติบโตแบบ Super growth stock ที่โดดเด่นของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
CIVIL เล็กพริกขี้หนู ชูปัจจัยบวก 4 ด้าน พร้อมได้รับการประเมินราคาเป้าหมายใหม่ 7.70 บาทต่อหุ้น

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL ผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยบวกทั้ง 4 ด้านที่ทำให้ CIVIL ถูกบล.บัวหลวงประเมินเป้าหมายราคาหุ้นใหม่ให้สูงขึ้นนั้น ได้แก่

1) การมีจุดเด่นในเรื่องการบริหารต้นทุน และมี Gross margin ระดับ Double digit โดยเฉลี่ยช่วง ปี 2561-2563 อยู่ที่ 14.5% และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 11.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 9.1% และ 8.2% ตามลำดับ จากการที่มีโรงงานช่วยลดต้นทุนวัสดุ, การ Balance Portfolio ที่มีงานทั้งโครงการใหญ่ - เล็ก เพื่อรักษาระดับกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ระดับ Double digit, การใช้เครื่องจักร - เทคโนโลยีช่วยก่อสร้างเพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน และสนับสนุนอุตสาหกรรมแรงงานไทยให้เป็นแรงงานฝีมือมากขึ้นซึ่งจะช่วยหนุน Gross Profit ให้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงการขาดแคลนแรงงานในอนาคต

2) หลายโครงการใน Pipeline รองรับฐานกำไรเติบโต อีกทั้ง CIVIL มีศักยภาพในการหางานใหม่เฉลี่ย 5,000 ล้านบาทต่อปี และคาดการณ์ว่ามูลค่างานในมือสะสม (Backlog) ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท ส่งผลให้รักษาระดับรายได้ 5,000 - 6,000 ล้านบาทต่อปี ได้อีกอย่างน้อย 2-3 ปี อีกทั้งจากการ IPO ทำให้บริษัทฯ มีเงินลงทุนขยายเครื่องจักร สามารถเดินหน้าหางานใหม่มาเติมได้ต่อเนื่อง เช่น งานเซ็นสัญญาเข้ารับงานบริหารโครงการก่อสร้างกับหน่วยงานภาครัฐ รวมจำนวน 3 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน -บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย - บางแพ้ว ตอน 8 มูลค่าโครงการ 1,911 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างทางหลวงชนบทเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ถนนสาย บ.หาดสำราญ-ตะเสะ (ตอนที่2) มูลค่าโครงการ 34.5 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างถนนยางแอสฟัลติกคอนกรีตสาย อย.4055 แยกทางหลวงหมายเลข 3267 - บ้านตาลเอน อ.มหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มูลค่าโครงการ 45 ล้านบาท

นอกจากนี้งานในระบบของกระทรวงคมนาคมช่วง 1 - 5 ปีข้างหน้า ยังมีมูลค่ารวมสูงถึง 900,000 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังมีแผนขยายงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ อีกด้วย เช่น UNIQ

3) การมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้ม Backlog และผลประกอบการของบริษัทฯ หลังกลุ่มบริษัทโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศอย่างบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ IPO จึงประเมินว่าบริษัทฯ มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมงานโยธาโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะกลุ่มบริษัทบีทีเอส และพันธมิตรอย่างบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC มีงานสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ซึ่งคาดว่ามูลค่างานโยธาจะอยู่ที่ประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นการหาผู้รับเหมาในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 อีกทั้ง GULF ที่มีการลงทุนโรงไฟฟ้า - เขื่อนในลาว โครงการแรกประมาณ 70,000 ล้านบาท หาก CIVIL ได้ส่วนแบ่งงานเพียง 10% จาก 2 โครงการดังกล่าว ก็จะทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยบล.บัวหลวงประเมินกรณี Best case scenario ว่าบริษัทฯ สามารถรับงานได้เต็มกำลังสูงสุดราว 15,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหมายถึงรายได้มีโอกาสจะเติบโตเกือบ 2 เท่าตัวจากปัจจุบัน

4) การคาดการณ์กำไรหลักในปี 2565 ที่ 269 ล้านบาท เติบโต 23% เมื่อเทียบกับปีก่อน หากอิงตาม Backlog เดิม แต่จากความมั่นใจต่อโอกาสรับงานใหม่มากกว่าในอดีต ทางบล.บัวหลวงจึงได้ปรับสมมติฐานงานใหม่ในปี 2566 จากเดิม 5,000 ล้านบาทเป็น 7,500 ล้านบาท และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ทำให้ประมาณการณ์กำไรหลักในปี 2565 - 2569 จะเติบโตเฉลี่ย 23% และทางบล.บัวหลวง ได้วิเคราะห์กรณี Base case มีงานใหม่ 9,000 ล้านบาทในปี 2566 ไต่ระดับไปเต็ม Maximum capacity ในปี 2569 พบว่ากำไรหลักปี 2565 - 2569 จะเติบโตเฉลี่ยถึง 34%

ส่งผลให้ทางบล.บัวหลวงได้ประเมินราคาเป้าหมายของหุ้น CIVIL ใหม่ที่ 7.70 บาท โดย re-rate PER target อยู่ที่ 20 เท่า จากเดิม 14 เท่า โดยอิง PEG เพียง 0.6 เท่า บนการเติบโต 5 ปี เฉลี่ย 34% ตามประมาณการกำไรกรณี Best case โดย PER target ที่ 20 เท่า เป็นระดับ Premium valuation มากกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่เฉลี่ย 16.5 เท่า สะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาพการเติบโตแบบ Super growth stock ที่จะโดดเด่นกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมไปได้อีกหลายปี

 

ที่มา: บีทีเอสกรุ๊ปฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version