PwC เผยดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าของธนาคารกลางทั่วโลกในการปรับใช้ CBDC ปี 65

พฤหัส ๐๒ มิถุนายน ๒๐๒๒ ๑๑:๒๒
รายงานระบุโครงการ mBridge ที่ถูกริเริ่มโดย HKMA และ ธปท. ถูกจัดอันดับให้เป็น wholesale CBDC ชั้นนำของโลก
PwC เผยดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าของธนาคารกลางทั่วโลกในการปรับใช้ CBDC ปี 65

PwC เผยรายงานการจัดอันดับโครงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางพบ มากกว่า 80% ของแบงก์ชาติทั่วโลกตื่นตัวในการออกสกุลเงินดิจิทัล หรือได้มีการดำเนินการไปแล้ว ขณะที่โครงการ mBridge หรือโครงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ ที่ถูกริ่เริ่มโดย HKMA และ ธปท. ถูกจัดให้เป็นโครงการที่มีความก้าวหน้าด้านการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลในระดับสถาบันการเงินมากที่สุดของโลก

รายงาน 'The 2022 PwC CBDC Global Index' ซึ่งได้จัดทำดัชนีเพื่อวัดระดับความพร้อมของโครงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) สำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคประชาชนทั่วไป (Retail) และธุรกรรมระหว่างธนาคาร (Wholesale) รวมถึงประเมินการพัฒนาโครงการ โดยคำนึงถึงความคิดเห็นของธนาคารกลางและความสนใจจากสาธารณชน พบว่า มากกว่า 80% ของธนาคารกลางทั่วโลก กำลังพิจารณาเปิดตัว CBDC อย่างเป็นทางการ หรือได้มีการดำเนินการไปแล้ว[1] สะท้อนให้ถึงอนาคตของระบบการเงินที่กำลังมุ่งสู่ดิจิทัล

สำหรับภาพรวมของโครงการประเภท retail CBDC นั้น อยู่ในช่วงการเติบโตที่สูงกว่าโครงการประเภท wholesale CBDC แต่ในปีที่ผ่านมาพบว่า มีโครงการนำร่อง wholesale CBDC หลายโครงการที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ซึ่งโครงการประเภท retail CBDC ที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับแรกในดัชนี คือ 'eNaira' สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางไนจีเรีย (Central Bank of Nigeria: CBN) ซึ่งถือเป็น CBDC แรกในทวีปแอฟริกา ตามมาด้วยอันดับที่สอง 'Sand Dollar' ที่ออกโดย ธนาคารกลางบาฮามาส เมื่อเดือนตุลาคม 2563 และอันดับที่สาม 'หยวนดิจิทัล' (Digital Yuan) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นประเทศในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่ได้ทดลองใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสำหรับประชาชนตั้งแต่ปี 2563 และ ณ เดือนมีนาคม 2565 ก็ยังคงทดลองใช้อย่างต่อเนื่องใน 12 หัวเมือง รวมถึงกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้

ในส่วนของโครงการประเภท wholesale CBDC ที่มีความก้าวหน้ามากเป็นอันดับแรก คือ โครงการ Multiple Central Bank Digital Currency Bridge (mBridge) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ ที่ถูกริเริ่มโดยธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพัฒนาต้นแบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่ครอบคลุมหลายสกุลเงิน และทำได้แบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) 

นอกจากนี้ โครงการ CBDC ใหม่สองโครงการขององค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore: MAS) ก็ได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่สองตามมา ในขณะที่ MAS ยังคงเดินหน้าพัฒนา wholesale CBDC สำหรับการชำระเงินเพื่อการซื้อขาย หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รายงานของ PwC ยังได้เปิดเผยถึงภาพรวมของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีกลไกในการตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์อื่น เช่น สเตเบิลคอยน์ที่คงมูลค่าไว้กับเงินทั่วไป (Fiat Currency) ซึ่งช่วยเชื่อมโยงระบบนิเวศทางการเงินแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีดิจิทัลไว้ด้วยกัน

นาย เฮเดน โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญบล็อกเชนและคริปโต บริษัท PwC ประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่า "ดัชนีปีนี้แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเร่งขยายกิจกรรมด้านสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยประเทศต่าง ๆ มีระดับความก้าวหน้าของการพัฒนา CBDC รวมถึงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป ซึ่งการเข้าถึงบริการทางการเงินที่เพิ่มขึ้น การสนับสนุนระบบชำระเงินระหว่างประเทศ และการควบคุมอาชญากรรมทางการเงินจะเป็นตัวแปรที่สำคัญ เราคาดว่า การวิจัย ทดสอบ และใช้งาน CBDC จะยิ่งเข้มข้นขึ้นในปีนี้ ซึ่งความสำเร็จของ eNaira ในประเทศไนจีเรีย น่าจะช่วยกระตุ้นการพัฒนา CBDC ในประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อีกทางหนึ่ง"

ด้าน นาย จอห์น การ์วีย์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินโลกของ บริษัท PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "สิ่งสำคัญสำหรับสถาบันการเงิน คือ จะต้องเข้าใจว่าธนาคารกลางมีการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในระดับไหน เพราะท้ายที่สุดแล้ว CBDC จะส่งผลกระทบต่อระบบการชำระเงินและงบดุลของธนาคาร ดังนั้น การปรึกษาหารืออย่างละเอียดกับธนาคารกลาง จะเป็นสิ่งสำคัญในการชี้แจงเหตุผลทางธุรกิจสำหรับ CBDC ตั้งแต่การเข้าถึงบริการทางการเงิน ผลดำเนินงานทางการเงิน และมุมมองของการทำงานร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ การลดต้นทุนการชำระเงินจะช่วยสร้างคุณค่าทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจและประชาชน ซึ่งหาก CBDC สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินได้ ก็ย่อมจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย"

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่ยังต้องติดตามในระยะต่อไป คือ หลังจาก CBDC เริ่มใช้งานได้จริงในประเทศไทย จะทำให้ภูมิทัศน์ทางการเงินเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลมาก-น้อยแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการธุรกิจก็ต้องติดตามความคืบหน้าของ CBDC อย่างใกล้ชิดเพราะจะมีผลกระทบด้านบัญชี และผลกระทบในแง่ธุรกิจอย่างแน่นอน"  

รายงานของ PwC ระบุว่า สำหรับโครงการ mBridge จะเข้าสู่ระยะนำร่องในปีนี้ โดยจะมีการสำรวจข้อจำกัดที่มีอยู่ของแพลตฟอร์มปัจจุบัน เช่น ความเป็นส่วนตัว การจัดการสภาพคล่อง ความสามารถในการปรับขนาด และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ รวมถึงสำรวจข้อกำหนดของนโยบาย และการทดลองใช้ CBDC กับธนาคารพาณิชย์ และผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่น ๆ 

สำหรับโครงการประเภท retail CBDC รายงานของ PwC ระบุว่า ไทยมีความก้าวหน้าอยู่ในอันดับที่แปด (ตามหลัง สาธารณรัฐโอเรียนทัลอุรุกวัย ในอันดับที่เจ็ด แต่นำหน้า สวีเดน ในอันดับที่เก้า) โดยธปท. ต้องการพัฒนา retail CBDC ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินในรูปแบบดิจิทัล และนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น 

"ปัจจุบันแบงก์ชาติกำลังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการออก retail CBDC ว่า จะเป็นโครงสร้างแบบ one-tier โดยแบงก์ชาติเป็นผู้ออก กำกับดูแล และบริหาร CBDC หรือแบบ two-tier โดยให้ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก CBDC และแบงก์ชาติเป็นผู้กำกับ ซึ่งหาก retail CBDC ทำได้จริงในไทย ก็จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินที่ดีให้กับธนาคารพาณิชย์ และเอื้อให้ภาคธุรกิจสามารถต่อยอดพัฒนาสินค้า หรือบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป" นางสาว วิไลพร กล่าว

[1] ที่มา: BIS Papers No 107 Impending arrival - a sequel to the survey on central bank digital currency

ที่มา: พีดับบลิวซี ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔ พ.ย. LE โชว์ผลงาน Q3/67 กำไรทะยาน 312% รายได้อยู่ที่ 720 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง ล่าสุดกอด Backlog แน่น 1,300
๑๔ พ.ย. แม็คโคร พัทยา ปรับโฉมใหม่ รองรับกำลังซื้อช่วงไฮซีซั่น พร้อมจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปี ส่งมอบความคุ้มค่าทั่วเมืองพัทยา
๑๔ พ.ย. ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3
๑๔ พ.ย. CHAYO งบ Q3/67 สุดปังทั้งรายได้และกำไร งวด 9 เดือนรายได้พุ่ง 38.85% มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
๑๔ พ.ย. TNP เข้ารับเกียรติบัตร CAC ในฐานะบริษัทฯ ที่ได้รับการต่ออายุรับรองครั้งที่ 2 มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันในภาคเอกชนไทย
๑๔ พ.ย. คริสตัล โฮม ร่วมกับ AXOR จัดเวิร์กชอป The Power of Colors เผยเคล็ดลับดีไซน์ห้องน้ำหรูด้วยสีสันที่โดดเด่น
๑๔ พ.ย. ทีเอ็มบีธนชาต ชวนซื้อสลากกาชาดทีทีบี ได้บุญ พร้อมลุ้นโชค 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การให้ บำรุงสภากาชาดไทย
๑๔ พ.ย. PRTR ประกาศงบ Q3/67 กำไรนิวไฮอีกครั้ง โตกว่า 14% ธุรกิจ Outsource ดาวเด่น คาด Q4/67 ดีมานด์พุ่ง
๑๔ พ.ย. PLUS ส่ง Coco Royal ลุยช่องทางการขายชั้นนำในจีน ดันยอดขายพุ่ง รับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังการผลิต
๑๔ พ.ย. PRAPAT ฟอร์มแกร่ง! กวาดกำไร Q3/67 โต 77% แตะ 17.49 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว