SCB CIO คาดเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุดสะท้อนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลง แนะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงรอความชัดเจนผลประกอบการไตรมาส 2

จันทร์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๐๒๒ ๑๖:๓๓
SCB CIO คาดการชะลอตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่การลดลงของเงินเฟ้ออาจลดลงไม่เร็วและยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลัก ยังเป็นแบบเร็วและแรงต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มขยับสูงขึ้น การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแนะรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะสะท้อนว่าบริษัทจดทะเบียนปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนจากผลกระทบเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น
SCB CIO คาดเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุดสะท้อนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลง แนะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงรอความชัดเจนผลประกอบการไตรมาส 2

ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การชะลอตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่ทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ยังเป็นขาขึ้น ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชะลอตัวลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้มีความตึงตัวทางอุปทาน เช่น ทองแดง และนิกเกิล มีราคาลดลงมาก ทั้งนี้ การชะลอตัวลงของราคาพลังงานและอาหาร ส่งผลให้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางหลักเช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB ) ยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงในปีนี้ โดยนับจากนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามคือสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในปี 2023 โดยตัวเลขในสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง

หลังตลาดหุ้นทั่วโลกได้มีการ derating ลงมาค่อนข้างมาก แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และการปรับคาดการณ์ผลประกอบการในครึ่งหลังของปี ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะเป็นตัวบ่งชี้ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหนจากภาวะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจชะลอตัว โดยล่าสุดการปรับคาดการณ์ผลประกอบการในสหรัฐฯ และยุโรปที่ดีขึ้นล่าสุดมาจากกลุ่มพลังงาน ในขณะที่ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจอื่นถูกปรับลดลง นอกจากนี้ SCB CIO เชื่อว่าความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้นจะเข้ามากดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวทำให้การขยับขึ้นหลังจากนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น แต่การขยับขึ้นที่เร็วกว่าของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นตามการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลให้ภาะวะ inverted yield curve อยู่เป็นระยะในช่วงครึ่งหลังของปี

ดร. กำพล กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุน( Asset Allocation portfolio) ของ SCB CIO โดยแนะนำ ถือเงินสดใน Portfolio สัดส่วนประมาณ 5-10% ในช่วงที่ตลาดรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาส 2 และทิศทางดอกเบี้ยปี 2023 พร้อมทยอยสะสมพันธบัตร Investment Grade เพื่อสร้างกระแสรายได้ให้กับ Portfolio สัดส่วน 20-30% และ เรามีมุมมอง Neutral สำหรับการลงทุนในหุ้นโดยรวม ในกลุ่มตลาดหุ้น Develop Markets ( DM ) มีมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อรอความชัดเจนจากผลกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวที่จะมีต่อผลประกอบการในระยะข้างหน้า เราคงมุมมองหุ้นยุโรปเป็น Slightly negative จากผลกระทบยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป สำหรับกลุ่ม Emerging Markets ( EM) เรายังคงมุมมอง Slightly positive ต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน A-share หลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เริ่มมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่เราเชื่อว่าการปิดเมืองข้างหน้าจะเป็นแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อควบคุมผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยังคงมุมมอง หุ้นไทย และ เวียดนาม ที่ Slightly Positive เราเชื่อว่าการเปิดเมืองของทั้ง 2 ประเทศจะทำให้เศรษฐกิจและผลประกอบการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยตลาดหุ้นทั้งสองประเทศมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมเข้าพอร์ต โดยมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยในทั้งสองประเทศจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนของไทยมีโอกาสที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับดอกเบี้ยขึ้นครั้งละ 0.25% ใน 3 การประชุมที่เหลือของปี

นอกจากนี้ SCB CIO ยังคงแนะนำให้มีสินค้าโภคภัณฑ์ ประมาณ 4-6% ของ portfolio เพื่อเป็นการจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อ โดยเน้นที่น้ำมันซึ่งยังมีความตึงตัวของอุปทาน รวมถึงอุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปียังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเปิดเมืองเปิดประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย อย่างไรก็ตามเราปรับสินค้าโภคภัณฑ์ ลงเป็น slightly positive เพื่อสะท้อนความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะมีผลต่ออุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยผลกระทบจะมีค่อนข้างมากกับสินค้าที่ไม่ได้มีความตึงตัวในอุปทานในระยะข้างหน้า เช่น ทองแดง สำหรับลูกค้า HNW และ UHNW การมี Alternative assets เช่น Structure note และ Private asset อยู่ใน Portfolio จะช่วยสร้างกระแสรายได้และลดความผันผวนของ Portfolio ได้

ที่มา: ธนาคารไทยพาณิชย์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ