ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงไทยที่ 'BBB+' และ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

จันทร์ ๐๑ สิงหาคม ๒๐๒๒ ๑๖:๓๘
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ 'BBB+' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ 'F1' อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) ที่ 'bbb+' และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ 'bbb-'

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

ปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว มีปัจจัยสนับสนุนมาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (GSR) ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ต่อความสามารถ (BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/F1) และโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) แก่ KTB ในกรณีที่มีความจำเป็น ทั้งนี้การพิจารณาอันดับเครดิตภายในประเทศยังพิจารณาเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตของบริษัทไทยรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)' สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ต่ำที่สุดภายในประเทศเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตของบริษัทไทยรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพยังสอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยและอยู่บนสมมุติฐานของฟิทช์ว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น

ความสำคัญในเชิงระบบต่อเศรษฐกิจไทย: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB พิจารณาจากสถานะของธนาคารในการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญในเชิงระบบต่อประเทศไทย และยังป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่ภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ดังนั้นฟิทช์จึงพิจารณาให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลที่ 'bbb+' ซึ่งอยู่สูงกว่าธนาคารอื่นที่มีความสำคัญในเชิงระบบในประเทศไทย (D-SIBs) อยู่ 1 อันดับ อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังพิจารณาถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคาร ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย

ฟิทช์เชื่อว่าความยืดหยุ่นทางการเงินของประเทศไทยเทียบกับอันดับเครดิตของประเทศ ยังคงอยู่ในระดับสูงและเพียงพอในการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อสนับสนุนภาคธนาคาร ในกรณีที่จำเป็น KTB เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศไทย มีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งและเครือข่ายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศและถูกกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในหกธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย

ความสำคัญในเชิงกลยุทธ์: ฟิทช์เชื่อว่าการถือหุ้นใน KTB ของรัฐบาล เป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ระยะยาว นอกจากนี้ธนาคารยังมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง และมีหน้าที่สำคัญในการบริหารเงินสดให้แก่หน่วยงานราชการต่างๆ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยภาครัฐกระจายเงินช่วยเหลือตามโครงการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์และสาขาของธนาคาร

สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานฟื้นตัวจากผลกระทบโรคระบาด: สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของภาคธนาคารไทย โดยฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) จะอยู่ที่ 3.2% ในปี 2565 และ 4.5% ในปี 2566 อันดับคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 'bbb' แนวโน้มมีเสถียรภาพ โดยมีคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในกลุ่ม 'bb' แต่ฟิทช์มีการปรับเพิ่มอันดับคะแนนโดยใช้ปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ' รัฐบาลมีความสามารถและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งสังเกตได้จากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงโรคระบาดโควิด

มีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่แข็งแรง: อันดับคะแนนด้านโครงสร้างธุรกิจของ KTB ที่ 'bbb' พิจารณาจากขนาดธุรกิจของธนาคารและเครือข่ายทางธุรกิจที่เป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศไทย เช่นเดียวกับธนาคารในกลุ่มที่มีความสำคัญในเชิงระบบอื่นๆ KTB เป็นธนาคารพาณิชย์แบบครบวงจร (universal banking) และมีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างหลากหลาย การเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับรัฐบาลของ KTB ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของฐานเงินฝาก และยังช่วยสนับสนุนธนาคารในการเพิ่มกลุ่มลูกค้ารายย่อยในช่วงผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด

ยังคงมีแรงกดดันจากคุณภาพของสินทรัพย์: อันดับคะแนนด้านคุณภาพของสินทรัพย์ของ KTB อยู่ที่ 'bb+' พิจารณาจากมุมมองของฟิทช์ว่าจะยังคงมีแรงกดดันต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจน่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างช้าจากภาวะโรคระบาด อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4.2% ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2565 จาก 4.9% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งบางส่วนเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูง ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงปี 2565-2566 ทั้งนี้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ KTB ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.6% แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบในเชิงลบน่าจะถูกบรรเทาลงได้จากอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (loan loss absorption buffers) ที่ 159%

ความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความท้าทายรออยู่: ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ฟิทช์ยังคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ย 4 ปี (ค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง ปี 2561-2564 อยู่ที่ 1.6%) น่าจะยังคงอยู่ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่น ผลประกอบการของ KTB อาจได้รับการสนับสนุนในระยะสั้นจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต (credit impairment charge) และการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยของสภาวะทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรที่ 'bb+' ยังพิจารณาจากความคาดการณ์ของฟิทช์ว่าแนวโน้มในการทำกำไรจะยังขึ้นอยู่กับความผันผวนและผลกระทบจากวัฎจักรของเศรษฐกิจ

ฐานะเงินกองทุนที่สูงขึ้นและมั่นคง: อันดับคะแนนด้านฐานะเงินกองทุนของ KTB ได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นเป็น 'bbb' จาก 'bbb-' เพื่อสะท้อนถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่สูงกว่า 15% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟิทช์เชื่อว่าการปรับตัวดังกล่าวจะยังคงต่อเนื่อง เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อในระดับปานกลาง จะไม่ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อฐานะของเงินกองทุน ดังนั้น ฐานะเงินกองทุนของ KTB จะช่วยเป็นกันชนในการรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ความเสี่ยงด้านสินทรัพย์

สภาพคล่องและเงินทุนที่แข็งแกร่ง: เงินกองทุนของ KTB ได้รับการสนับสนุนจากการที่ธนาคารมีฐานเงินฝากที่มีเสถียรภาพในสัดส่วนที่สูง เครือข่ายธุรกิจด้านเงินฝากจากหน่วยงานภาครัฐและความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงินจากการที่ธนาคารมีความสัมพันธ์กับรัฐบาล KTB มีสัดส่วนของเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ที่ค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่องเกินกว่า 80% ของเงินฝากทั้งหมดในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกรรมธนาคารที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลมีการปรับลดลง อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวยังพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่มีปัจจัยสนันสนุนจากรัฐบาล เทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวถูกปรับลดอันดับ

การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB อาจเกิดขึ้นได้ หากความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารปรับตัวด้อยลง ซึ่งสะท้อนได้จากการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย นอกจากนี้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB อาจถูกปรับลดอันดับได้ ในกรณีที่มีการปรับลดลงของแนวโน้มในการให้การสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ พร้อมทั้งการลดลงของระดับความสัมพันธ์กับรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB อาจถูกปรับลดลงเป็น 'bb+' หากฐานะทางการเงินของธนาคารปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงการที่ธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ลดลง ซึ่งอาจสะท้อนได้จากโครงสร้างของธุรกิจที่อ่อนแอ่กว่าที่คาดการณ์ และไม่สามารถรักษาความสามารถในการสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวัฏจักรของธุรกิจ ซึ่งอาจแสดงได้จากการปรับตัวลดลงของอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET 1) ที่ต่ำกว่า 13 % เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2565 อยู่ที่ 15.6%) และการลดลงของอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อหนี้สินด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 100% ควบคู่ไปกับอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว

อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTB ไม่มีโอกาสปรับเพิ่มอีกแล้ว เนื่องจากเป็นอันดับเครดิตสูงสุดแล้ว
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลพิจารณาจากอันดับเครดิตของประเทศไทย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกจะเกิดขึ้นได้จากการปรับตัวดีขึ้นของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่ KTB ที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ต้องพิจารณาสมมุติฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการให้ความสนับสนุนด้วยว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ณ ระดับอันดับเครดิตของประเทศที่สูงขึ้น

เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างช้า การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินนั้นมีค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการหารายได้จะนำไปสู่การปรับอันดับเครดิตในเชิงบวก ตัวอย่างเช่น การมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่น้อยกว่า 3.5% อย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 4.2%) และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงกว่า 2.5% เป็นเวลาต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1.5%) ควบคู่ไปกับการรักษาฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต: อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
ห้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KTB ที่ 'AAA(tha)' ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศ เพื่อสะท้อนถึงภาระผูกพันที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

ห้นกู้ด้อยสิทธิ
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอยู่ 2 อันดับ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ในการจัดอันดับของฟิทช์เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน สถานะด้อยสิทธิของตราสารไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) เช่น คุณสมบัติของการยกเลิกหรือการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย จึงไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk) ฟิทช์ใช้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นอันดับเครดิตอ้างอิงของหุ้นกู้ดังกล่าว เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ KTB ก่อนที่จะถึงจุดที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต: อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและด้อยสิทธิของธนาคาร

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ของ KTB ไม่มีโอกาสปรับขึ้นได้อีก เนื่องจากอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งก็คือ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ในระดับที่สูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิอาจถูกปรับเพิ่มอันดับได้หากความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าที่จะปรับลดอันดับลงเพียง 1 อันดับ จากอันดับเครดิตอ้างอิง จากระดับปัจจุบันที่ 2 อันดับ แต่อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดการณ์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านรายได้และอัตรากำไรที่ 'bb+' อยู่ต่ำกว่าคะแนนตามเกณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม 'bbb' เนื่องจากการปรับลดคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'ความผันผวนของความสามารถในการทำกำไร'

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตภายในประเทศของ KTB มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
KTB มีระดับคะแนนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)ที่ระดับ 4 สำหรับความสัมพันธ์ของโครงสร้างธรรมาภิบาล (Governance Structure) เนื่องจากการถือหุ้นโดยรัฐบาลในธนาคารและมีโอกาสที่ภาครัฐจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลกิจการและความเสี่ยง (risk governance) และโครงสร้างทางการเงินของธนาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อโครงสร้างเครดิตและสัมพันธ์ต่ออันดับเครดิตเช่นเดียวกับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตอื่น

หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้สาหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับเครดิตที่ 'BBB+' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับเครดิตที่ 'F1'
  • อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับเครดิตที่ 'bbb-'
  • อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับเครดิตที่ 'bbb+'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับเครดิตที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน คงอันดับเครดิตที่ 'BBB+'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน คงอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (ตามเกณฑ์บาเซล 3) คงอันดับเครดิตที่ 'AA(tha)'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน คงอันดับเครดิตที่ 'F1+(tha)'

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version