สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ (TGJTA) และสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย (GJPCT) ประกาศความพร้อมจัดงาน "เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2023" ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเป็นงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อสนับสนุนและสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติ ปัจจุบันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และไทยยังถือเป็น "เมืองหลวงแห่งอัญมณี" สำหรับคู่ค้าทั่วโลก เป็นแหล่งการค้าที่ผู้ค้าจากทั่วโลกนึกถึงเป็นอันดับแรก จึงนำไปสู่แนวคิดการสร้าง Soft Power "พลอยไทย" ขยายความนิยมสู่นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปในระดับนานาชาติ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันในระดับสูง โดยแต่ละประเทศได้ยกระดับการแข่งขันด้วยการเน้นแสดงให้เห็นถึงจุดเด่น Soft Power และ Cultural Experience และเมื่อกล่าวถึง Soft Power ที่สำคัญที่สามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้นั้นมีหลากหลายมิติ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ อัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตต้นน้ำและเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมที่สร้างงานให้กับแรงงานกว่าล้านคน มียอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 3 ของไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกถึงปีละ 5 แสนล้านบาท
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในจุดนี้ โดยได้ร่วมสนับสนุน สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ และ สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย จัดงาน "เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair" ซึ่งจะสร้างให้เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกุมภาพันธ์ในทุก ๆ ปี เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก สามารถเข้ามาเลือกซื้ออัญมณีที่มีคุณภาพดีที่สุด หรือ "พลอยไทย" ก่อให้เกิดเป็นรายได้เงินตราต่างประเทศและเป็นจุดหมายในการเดินทางมาท่องเที่ยว พร้อมสร้าง Soft Power เสริมแกร่งให้การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน
นางสาวพรทิวา นิพาริน นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า "สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เป็นสมาคมอัญมณีที่แข็งแกร่งที่สุดและมีสมาชิกนิติบุคคลมากที่สุดในเอเซีย ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของผู้ประกอบการไปจนถึงช่างฝีมือและแรงงานทุกประเภทที่เกี่ยวข้อง โดยอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมของไทยที่แข็งแกร่งต่อเนื่องมายาวนาน เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศ นอกจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจแล้ว ลักษณะของอุตสาหกรรมยังมีความซับซ้อน เป็นการผสมผสานของศาสตร์และศิลป์ ที่ยากต่อการสร้างเป็นอัลกอริทึม จึงทำให้ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถมาทดแทนได้ อุตสาหกรรมนี้จึงเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจไทย
สมาคมฯ จึงได้จัดงาน "เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2023" งานอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน สร้างโอกาสให้คู่ค้าและผู้คนทั่วโลกได้ซื้อพลอยสีที่คุณภาพดีที่สุดโดยตรงจากผู้ผลิตในไทย นึกถึงพลอยสี นึกถึง "พลอยไทย" โดยตั้งเป้าสร้าง Soft Power "พลอยไทย" ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล คาดการณ์ในงานครั้งนี้ จะทำให้เกิดการส่งออกไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท เป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการสร้างอนาคตของไทยให้เข้มแข็ง ให้คนไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงในยุคเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี (Technological Disruption Era)
ด้าน นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ จัดงาน "เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2023" โดยความพิเศษของงานในครั้งนี้จะมีการเปิดตัว "มาตรฐานราคาอ้างอิงพลอยสี" ซึ่งเราได้ใช้เวลาวิจัยและพัฒนามากว่า 4 ปี ร่วมกับ NGTC ที่เป็นหน่วยงานด้านอัญมณีที่สำคัญที่สุดของจีน โดยประเทศจีนจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งมาตรฐานราคานี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อและสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาด โดยในระยะยาวสมาพันธ์ฯ มุ่งหวังผลลัพธ์ที่จะยกระดับ Asset Class ของพลอยสีให้เทียบเท่าเพชรและทองคำ และจากการสนับสนุนของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. จะช่วยขยายฐานผู้ซื้อจากเดิม B2B ไปสู่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติทั่วโลกอีกด้วย งานแสดงสินค้านี้จะสามารถสร้างรายได้เงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าจากการสร้าง Soft Power "พลอยไทย" ขยายฐานไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเปรียบเป็นอัญมณีเม็ดงามที่สร้างอนาคตสำหรับคนไทยทุกคน"
งานในครั้งนี้ผู้เข้าชมยังจะได้พบกับโซนใหม่ "The Lux" ที่สุดแห่งความหรูหรากับที่สุด 7 บริษัทชั้นนำของโลก ที่จะมาแสดงทั้งอัญมณีล้ำค่า และเครื่องประดับสุดอลังการ และยังมีผู้ผลิตกว่า 1,000 บูทในโซนพลอยสี, เพชร, เครื่องประดับทอง, เครื่องประดับเงิน, เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต และนอกจากนี้ยังได้พบกับผู้ผลิตโดยตรงจาก ฮ่องกง จีน ศรีลังกา ตุรกี แทนซาเนีย สิงคโปร์ โปแลนด์ เกาหลี เมียนม่าและอีกนานาประเทศที่จะทำให้งานนี้ตอบครบทุกโจทย์ที่คุณมองหา
นายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายก1 สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานแสดงสินค้าฯ กล่าวเสริมว่า สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว งานนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ ซื้ออัญมณีและเครื่องประดับโดยตรงจากผู้ผลิตชั้นนำของโลก จากงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พบกับสินค้าให้เลือกหลากหลายที่สุด และซื้อได้อย่างมั่นใจ โดยผู้จัดแสดงสินค้าทุกบริษัทได้รับการรับรองจากสมาคมฯ และยังสามารถเข้าชมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ตอบโจทย์ทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับแต่งงาน ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการลงทุน หรือต้องการเข้าสู่ธุรกิจ
สำหรับงาน "เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2023" มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 - 18.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าเข้างาน ซึ่งงานนี้ถือเป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่สร้างอาชีพให้คนไทยได้อย่างแท้จริง และเป็นเทศกาลที่นำไปสู่การสร้าง Soft Power ใหม่เสริมความแกร่งให้ทั้ง 2 อุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ และการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมงานสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าและดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.thaigemjewelry.or.th หรือเพจเฟซบุ๊ก Thai Gem and Jewelry Traders Association
ที่มา: ทริปเปิล เอท ไอเดียส์