นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด "Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต" เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 มีมติอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 118,564,569 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,775,239,607 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,656,675,038 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 118,564,569 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัท ไว้เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
และมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 119,270,145 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,656,675,038 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,775,945,183 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 119,270,145 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ1 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 119,270,145 หุ้น
พร้อมกันนี้ มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 119,270,145 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท (หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของบริษัท ณ วันประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 9 พฤษภาคม 2566) เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
"บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ใช้ในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต และใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก รวมทั้งการขยายธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว"
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 6,000 - 6,600 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 130% จากปีก่อน และสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทฯ เตรียมโอนโครงการ Landmark @ MRTA Station ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมี Backlog จากโครงการนี้ประมาณ 4,700 ล้านบาท คาดเตรียมทยอยโอนภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบกับมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่เตรียมทยอยโอนอีก 3 โครงการ นอกจากนี้มีกลุ่ม Ready to move และกลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค