นายสกนธ์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITI ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ วอลโว่-เอสดีแอลจี-ทาดาโน เปิดเผยว่า ITI ได้ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ผ่านการจัดตั้ง "บริษัท ท๊อป ควอลิตี้ แมชชีน แอนด์ พาร์ท จำกัด" หรือ TOP Q ผู้ให้บริการเช่า-ซื้อ-ขายเครื่องจักรกลหนักมือสองทุกประเภท เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมได้กว้างยิ่งขึ้นจากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดสินค้ามือหนึ่งเกรดพรีเมี่ยมเป็นหลัก โดย TOP Q มีเครื่องจักรกลหนักมือสองทุกประเภท ตั้งแต่รถขุด รถตัก รถบด รถเกรด รถปูยาง รถบรรทุก ฯลฯ ตลอดจนทีมช่างซ่อมบำรุงที่ผ่านการอบรมจากแบรนด์ผู้ผลิตโดยตรง พร้อมให้บริการทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง
"ตลาดเครื่องจักรกลหนักในไทยยังคงเติบโตควบคู่กับงานก่อสร้างทุกประเภท ทั้งเมกะโปรเจคท์ ก่อสร้างถนน รถไฟฟ้าสายต่างๆ ตลอดจนงานเหมือง โรงโม่ โรงงานอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร โดยในส่วนลูกค้าที่ต้องการสินค้ามือหนึ่งทาง ITI สามารถดูแลครอบคลุมทั่วถึงแบบครบวงจรอยู่แล้ว ขณะที่ TOP Q ก็จะเข้าไปทำตลาดเสริมสำหรับลูกค้าที่ต้องการมองหาเครื่องจักรกลหนักมือสองที่มีคุณภาพรวมถึงอะไหล่ทดแทนควบคู่กัน โดยเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นอีกตลาดที่โอกาสยังเปิดกว้าง"
นายสกนธ์ กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์สำคัญของ ITI นอกจากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มโอกาสทางการตลาดแล้ว ยังมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพงานบริการหลังการขายให้สอดรับพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ทั้งด้านงานขาย งานซ่อมบำรุง รวมถึงงานอะไหล่ให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าทันท่วงที เพราะนี่เป็นสิ่งที่ลูกค้าทั้งในตลาดสินค้ามือหนึ่งและมือสองให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
นายบุญมี เพ็ชร์น้อย ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ท๊อป ควอลิตี้ แมชชีน แอนด์ พาร์ท จำกัด หรือ TOP Q เปิดเผยว่า TOP Q สามารถให้บริการเช่า-ซื้อ-ขายเครื่องจักรกลหนักแบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำแนะนำการประเมินเครื่องจักรกลหนักที่เหมาะสมกับลักษณะงานและความเสี่ยง โดยมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 200 รายการใน 2 แบรนด์หลัก คือ วอลโว่และเอสดีแอลจี พร้อมทีมงานช่างผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการปรับสภาพรถมือสองด้วยอะไหล่คุณภาพสูง ก่อนจัดส่งถึงมือลูกค้า ตลอดจนให้ความรู้เรื่องการใช้งานและบำรุงรักษา พร้อมการรับประกันสินค้าและมีเครื่องจักรกลหนักทดแทนให้ใช้งานกรณีต้องจอดซ่อมบำรุงด้วย
หลังเปิดดำเนินงานเมื่อปลายปี 2564 ผ่านการทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์ ปัจจุบันมีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้าที่ทำโครงการเมกะโปรเจคท์ งานเหมือง งานถนน และตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 200% ภายในปี 2566 นี้
"นอกจากเรื่องคุณภาพสินค้า อีกจุดเด่นสำคัญที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้า คือ ความรวดเร็วในการให้บริการ โดย TOP Q สามารถส่งมอบเครื่องจักรกลหนักได้ถึงมือลูกค้าทั่วประเทศภายใน 3 วันหลังแจ้งความจำนง นอกจากนี้ยังมีบริการรับซื้อ หรือ เทรดอินเครื่องจักรกลหนักของลูกค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าใหม่ โดยให้ราคาสูง หรือ เทียบเท่าราคาตลาดด้วย ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความสนใจในบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเราก็พร้อมเข้าไปให้บริการได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย" นายบุญมี กล่าวเสริม
ที่มา: ริพเพิล เอฟเฟคท์