แอลจีประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566

พุธ ๐๑ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๑:๒๕
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) ประกาศผลประกอบการรวมประจำไตรมาสที่ 3 ที่ 20.7 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.5 แสนล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 996.7 พันล้านวอน (หรือประมาณ 2.65 หมื่นล้านบาท) ซึ่งถือเป็นผลประกอบการและผลกำไรประจำไตรมาสที่ 3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอับดับที่ 2 ของบริษัท โดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจากทั้งธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแอลจี และโซลูชันยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ธุรกิจโซลูชันยานยนต์มีกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการดำเนินตามวิสัยทัศน์ปี 2573 เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยวิสัยทัศน์ปี 2573 ที่แอลจีเคยประกาศไว้ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ได้แก่ การมุ่งขยายธุรกิจ B2B และการสร้างนวัตกรรมภายใต้โมเดลธุรกิจที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ รวมถึงการพัฒนาและเข้าซื้อธุรกิจที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ แอลจีมีเป้าหมายที่จะก้าวข้ามการเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไปสู่บริษัทโซลูชันเพื่อชีวิตสมาร์ท หรือ Smart Life Solutions ที่เชื่อมต่อและขยายประสบการณ์ที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในปัจจัยที่สร้างการเติบโตของรายได้อย่างมาก คือการขยายไปสู่ธุรกิจ B2B ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์และระบบปรับอากาศ HVAC ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีนี้สูงเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติการณ์ของบริษัท รายได้จากธุรกิจ B2B เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีสัดส่วนราว 35% ในรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทในปีนี้

ธุรกิจ B2B มักได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาด B2C และเมื่อธุรกิจ B2B ดำเนินไปอย่างเข้าที่แล้ว จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคงได้มากกว่า ข้อดีอีกประการหนึ่งคือเมื่อลูกค้า B2B ใช้สินค้าของผู้ผลิตแบรนด์ใดก็มักใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เปลี่ยน ทำให้สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ซื้อได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว แอลจียังมีแผนที่จะพัฒนาโอกาสสร้างการเติบโตให้มากขึ้นในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการจัดหาผลิตภัณฑ์ B2B เท่านั้น เพื่อต่อยอดไปสู่โซลูชันที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่จัดหาแก่ลูกค้า โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากธุรกิจ B2B ขึ้นเป็นมากกว่า 40 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573

กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาทั้งแบบปีต่อปีและไตรมาสต่อไตรมาส หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัททำกำไรได้สูง คือนวัตกรรมโมเดลธุรกิจใหม่ของแอลจีที่ผสานโซลูชันซึ่งไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ เช่น คอนเทนต์ และบริการสมัครสมาชิก เข้ากับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่แอลจีผลิตอยู่เดิม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และทีวี ในอดีตรายได้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อผู้บริโภคจ่ายเงินซื้อสินค้า แต่ปัจจุบันโมเดลได้เปลี่ยนไปสู่การสร้างรายได้แบบประจำผ่านการใช้โซลูชันบนแพลตฟอร์มที่ติดตั้งอยู่ในผลิตภัณฑ์หลายล้านชิ้นของแอลจีที่ผู้บริโภคใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน

เพื่อพัฒนาและมองหากลไกสร้างการเติบโตใหม่ๆ แอลจีตั้งเป้าที่จะลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส โดยต้องไม่เพียงแค่มีศักยภาพสูงเท่านั้น แต่ต้องสามารถบูรณาการเข้ากับธุรกิจที่มีอยู่เดิมได้ หนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญของกลยุทธ์ดังกล่าว คือการลงทุนในธุรกิจชาร์จพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจนี้ไปทั่วโลกโดยเริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้า ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างหลากหลาย

บริษัทดำเนินตามวิสัยทัศน์ปี 2573 ได้อย่างราบรื่นและมั่นคงในสามเสาหลัก ได้แก่ สร้างการเติบโตในระดับชั้นนำ (ธุรกิจ B2B) สร้างผลกำไร (ขยายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์) และการเพิ่มมูลค่าของบริษัท (กลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ) สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของตัวเลข 7 ใน 3 มิติ คือ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยและกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 7% ขึ้นไป และมูลค่าบริษัทต่อ EBITDA มีสัดส่วนอยู่ที่ 7 หรือมากกว่า

แอลจีจะเดินหน้าผลักดันการพลิกโฉมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจต่อไปในไตรมาสที่ 4 โดยพยายามรักษาการเติบโตของธุรกิจ B2B ให้อยู่ในระดับสูง โดยใช้กลุ่มโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหัวหอกสำคัญ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เนื่องจากใกล้จะถึงช่วงเทศกาลปลายปีที่มีบริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการซื้อที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพในการทำกำไรอย่างมั่นคงต่อไป

กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศ มีรายได้ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 7.46 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.01 แสนล้านบาท) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 504.5 พันล้านวอน (ประมาณ 1.36 หมื่นล้านบาท) ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากความสามารถด้านการแข่งขันที่แข็งแกร่งจากการดำเนินธุรกิจโดยรวม ซึ่งรวมถึงการผลิต การจัดซื้อ และโลจิสติกส์ที่ดียิ่งขึ้น ส่วนรายได้ยังอยู่ในระดับที่มั่นคงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากกลยุทธ์การปรับจุดยืนของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กำลังซื้อในตลาดที่หดตัว และการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ B2B ที่รวมถึงระบบปรับอากาศ HVAC ชิ้นส่วน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บิลด์อินมากับเฟอร์นิเจอร์ แอลจีมีแผนที่จะเร่งการเติบโตของธุรกิจ B2B ตามเทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าและการลดก๊าซคาร์บอนในระบบปรับอากาศ HVAC ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา บริษัทได้ร่วมสนับสนุนเป้าหมายของมลรัฐแคลิฟอร์เนียในการติดตั้งปั๊มความร้อนไฟฟ้า 6 ล้านเครื่องภายในปี 2573 นอกจากนี้แอลจียังขยายพอร์ตโฟลิโอของ HVAC ด้วยระบบปรับอากาศใหม่สำหรับภายนอกอาคารโดยเฉพาะ (Dedicated Outdoor Air Systems) สำหรับในไตรมาสที่ 4 บริษัทจะนำร่องพลิกโฉมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรูปแบบใหม่ที่ขยาย LG ThinQ UP 2.0 ไปสู่การให้บริการและการสมัครสมาชิก ซึ่งปัจจุบันนำร่องเปิดตัวแล้วในอเมริกาเหนือซึ่งผู้ใช้สามารถอัพเกรด 4 ฟีเจอร์ใน ThinQ UP ได้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานนวัตกรรมอันล้ำสมัยได้อย่างรวดเร็ว

กลุ่มธุรกิจโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์ ทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านวอน (ประมาณ 6.75 หมื่นล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.9 พันล้านวอน (ประมาณ 3.64 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้และกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของแอลจี บริษัทกำลังเร่งสร้างการเติบโตด้วยการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง และการจัดการคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 100 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.67 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าหน่วยธุรกิจนี้จะทำรายได้รวมทั้งปีได้มากกว่า 10 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.67 แสนล้านบาท) ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจนี้เป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของแอลจี คาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์จะยังคงมีการเติบโตในระดับสูงต่อไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว และความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์มูลค่าสูงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าอาจจะมีความกังวลเนื่องจากอุปสงค์ของชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวชั่วคราว จากสัญญาณบวกดังกล่าว แอลจีจึงมีแผนที่จะรักษาโมเมนตัมการเติบโตโดยมุ่งเน้นที่โครงการที่ใช้ชิ้นส่วนมูลค่าเพิ่มในระดับสูง และเร่งการผลิตเพื่อส่งออกในภูมิภาคของโรงงาน LG Magna ที่เมืองราโมส อริซเป ประเทศเม็กซิโก

กลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ 3.57 ล้านล้านวอน (ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 110.7 พันล้านวอน (ประมาณ 2.95 พันล้านบาท) บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่มีกำไรได้ ด้วยการจัดการงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าราคาของจอ LCD จะสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็กระจายแหล่งที่มาของกำไร จากการเติบโตของธุรกิจคอนเทนต์และบริการที่อยู่ในแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี บริษัทกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ไปสู่ธุรกิจสื่อและความบันเทิงบนแพลตฟอร์ม เนื่องจากตลาดคอนเทนต์และบริการยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ นอกจากแอลจีจะขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ต่างๆ แล้ว บริษัทยังอัพเกรดระบบปฏิบัติการทีวีเพื่อนำเสนอประสบการณ์รับชมคอนเทนต์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า โดยคาดว่าทีวีที่ใช้ webOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการพื้นฐานของธุรกิจคอนเทนต์และบริการของแอลจี จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านเครื่องภายในปี 2569

กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กร ทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 ที่ 1.33 ล้านล้านวอน (ประมาณ 3.59 หมื่นล้านบาท) โดยขาดทุนจากการดำเนินงาน 20.5 พันล้านวอน (ประมาณ 5.54 พันล้านบาท) ทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรลดลง เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ไอทีที่หดลง จากความท้าทายดังกล่าวที่ยังคงอยู่ บริษัทจึงคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้า ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีระดับพรีเมียม เช่น จอแสดงผลเชิงพาณิชย์ และแล็ปท็อปที่จอภาพพับงอได้ เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งได้ให้กับผู้ใช้ ในขณะเดียวกันก็สร้างการเติบโตโดยสนับสนุนธุรกิจชาร์จพลังงานของยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกใหม่ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของแอลจี

ที่มา: แอลจี-วัน ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version