นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นำจุดเด่นการเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศ รุกขยายฐานธุรกิจสู่การเป็นผู้นำให้บริการ Platform Service Provider อย่างครบวงจร โดยจะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ผ่าน AI (Artificial Intelligence) เพื่อเชื่อมต่อและสร้างการเติบโตร่วมกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งมุ่งตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละภาคธุรกิจที่ต้องการทรานส์ฟอร์เมชัน ปรับตัวการเปลี่ยนผ่านเข้ายุค AI ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจและการทำงานอย่างมหาศาล
"INET เป็นผู้ให้บริการไอทีแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญให้บริการ Cloud Service มีฐานลูกค้าแข็งแกร่งโดยเป็นเอกชนกว่า 4,000 ราย โดยการขยายขอบเขตสู่ผู้พัฒนา Platform Service Provider เพื่อรองรับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขับเคลื่อนประเทศรับยุค AI จะช่วยสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเราประสบความสำเร็จอย่างสูง การพัฒนาแพลตฟอร์ม "หมอพร้อม" ภายใต้โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นแพลตฟอร์มระบบการดูแลสุขภาพที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของคนไทยทุกสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยทำให้คนไทยเข้าถึงสาธารณสุขได้ง่ายและมีคุณภาพ ภายใต้การมีระบบการเบิกจ่ายที่โปร่งใสและรวดเร็ว เรามั่นใจด้วยศักยภาพของ INET จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเพิ่มขึ้น" นางมรกต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งขยายการให้บริการ e-tax invoice, CA (Certificate Authority) หรือการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ขยายสู่ลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายธุรกิจ Data Center เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารดาต้า (Data Hub) ของประเทศไทย โดยนำศักยภาพแหล่งการจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศ ที่ควบคุมและกำกับดูแลภายใต้กฎหมายไทย รวมถึงความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล ภายใต้ค่าบริการที่แข่งขันได้
นอกจากนี้เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ INET เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการสร้าง Innovation Hub ที่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะเป็นศูนย์กลางส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี อีกทั้งยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ผ่านการจัดฝึกอบรมหลักสูตรเชิงปฏิบัติการ เพื่อสร้างบุคลากรของประเทศมาร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมและรองรับกับความต้องการตลาดในอนาคต
ส่วนภาพรวมธุรกิจ Platform Service Provider ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดการณ์ภาครัฐและภาคเอกชน ต่างเดินหน้าปรับตัวสู่การดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) ผ่านการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อทำการวิเคราะห์ คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งในแต่ละองค์กรมีเป้าหมายการทำ Digital Transformation และการขับเคลื่อนธุรกิจที่แตกต่างกัน ทำให้ดีมานด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโต ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมด้านเครื่องมือที่ครบวงจร และสามารถเข้าไปช่วยลูกค้าในการทำ Digital Transformation ที่ตอบโจทย์ และรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในงานทำงานดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ให้ความสำคัญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เนื่องจากภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานและธุรกิจ โดยบริษัทฯ มีบริการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินทางไซเบอร์แบบครบวงจร ภายใต้ CO-SCRIT (Coordinated Security Response Incident Team) ช่วยให้ลูกค้ายกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับองค์กรธุรกิจ ทั้งการป้องกัน และรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจว่าด้วยแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างแข็งแกร่ง คาดการณ์ว่ารายได้ปี 2567 ของบริษัทฯ อยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน โดยรายได้หลักมาจาก Cloud Service คาดการณ์จะมีจำนวน VMIs อยู่ที่ 66,500 VMI
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย