ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในงานแถลงข่าว โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" เผยว่า "กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการจัดการศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย รวมทั้งการพัฒนาช่วงวัยเรียน วัยรุ่น ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาพหุปัญญาของมนุษย์ โดยเชื่อมั่นว่า "การอ่าน" จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ สู่การพัฒนาการคิดวิเคราะห์การสร้างสรรค์ต่างๆ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการศึกษานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับการศึกษาของประเทศ
โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" ที่ดำเนินโครงการโดยอมรินทร์กรุ๊ป จากการสนับสนุนของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทางกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวคิด "เด็กไทยอ่านออก เขียนได้...คุณครูก้าวไกล...ชาติไทยพัฒนา" ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียนให้เป็นผู้รู้หนังสือ สามารถอ่านออกเขียนได้ ผ่านกิจกรรมอ่านกัน วันละ 15 นาที แต่ยังช่วยพัฒนาคุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถรวบรวมและเก็บชิ้นงานที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านที่ทำร่วมกับผู้เรียน นำไปประกอบเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานจริงในการขอเลื่อนวิทยฐานะต่อได้
ไม่เพียงเท่านี้ยังได้มีการสั่งการให้สถานศึกษาในสังกัด ส่งเสริมการอ่านอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการศึกษาให้เป็นเลิศ เพื่อความมั่นคงในชีวิต ตามนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ภายใต้แนวทางการทำงาน "จับมือกันไว้ แล้วไปด้วยกัน" เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต"
ม.ล. ลือศักดิ์ จักรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการดำเนินโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" ว่า "โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้แก่นักเรียนในโรงเรียนเป้าหมาย โดยสนับสนุนให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ และมีผลสัมฤทธิ์ในรายวิชาโดยเฉพาะวิชาภาษาไทยสูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการลงมือปฏิบัติงานจริงกับผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม และยังพัฒนาให้โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข เป็นต้นแบบโครงการที่สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพการรู้หนังสือของเด็กไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นผ่านการดำเนินงานโครงการ โดยจัดให้มีกิจกรรมการอ่าน วันละ 15 นาที, ก่อตั้งชมรมรักการอ่าน, การลงบันทึกรักการอ่านอย่างสม่ำเสมอ, ต่อยอดกิจกรรม "อ่านดัง ฟังเพลิน" ให้นักอ่านรุ่นใหม่อ่านแล้วบันทึกคลิปเสียงเพื่อส่งต่อสู่ผู้พิการทางสายตา เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น
ปีนี้ โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" มีพันธกิจในการขยายโครงการสู่โรงเรียน 51 แห่งจาก 22 จังหวัด และมีสมาชิกเข้าชมรมรักการอ่านกว่า 5,000 คน และได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้วในหลายโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดมัชฌันติการาม กทม., โรงเรียนทุ่งสองห้อง (คุปตัษเฐียรอุทิศ) กทม., โรงเรียนเสนานิคม กทม., โรงเรียนวัดหนองใหญ่ กทม., โรงเรียนวัดคู้บอน (วัฒนานันท์อุทิศ) กทม., โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนากระเสริม จ.นครพนม, โรงเรียนบ้านเขวา "รัฐประชาวิทยากร" จ.มหาสารคาม, โรงเรียนเทศบาลวัดดอนไก่ดี (สังวรจันทสรราษฎรวิทยา) จ.สมุทรสาคร เป็นต้น
ส่งผลให้การดำเนินโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จะมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 261 แห่งจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งมอบชั้นวางพร้อมหนังสือ 10 หมวดความรู้ให้แก่โรงเรียนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 285,000 เล่ม และมีนักเรียนที่เข้าชมรมรักการอ่านกว่า 29,000 คน
จากการดำเนินโครงการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พบว่านักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้น โดยในปีที่ 1 มีผลการเรียนดีขึ้น 64% ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72% ปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 75% และปีที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 23,324 คน ถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการ
โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5" นี้ ได้วางเป้าหมายความสำเร็จของโครงการคือ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้น ด้านผู้บริหารและคุณครูให้ความสำคัญเรื่องการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการรู้หนังสือของนักเรียน คุณครูเองยังได้พัฒนาด้านการเรียนการสอน และมีโอกาสพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ ส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นสื่อประเภทหนังสือ คลิปวิดีโอการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพ หลากหลาย เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน"
ด้าน คุณโสภณ ราชรักษา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า "ไทยเบฟยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านคือรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเยาวชนในการใช้ชีวิต เป็นการเปิดโลกทัศน์ สร้างจินตนาการ อีกทั้งทำให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและแนวคิดใหม่ๆ ที่ช่วยต่อยอดทั้งในด้านความรู้ ความคิด และก้าวทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เราได้มีการสร้างสรรค์กิจกรรมมากมายไปยังโรงเรียนเป้าหมายกว่า 210 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และยังคงเดินหน้าร่วมกันสานต่อความสำคัญของการอ่านอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหาหนังสือที่มีประโยชน์นำไปมอบให้ห้องสมุดใน 51 โรงเรียน พร้อมกับ ชั้นวางหนังสือที่มีคุณภาพ ทั้งยังร่วมกับคุณครูบรรณารักษ์จัดตั้งชมรมรักการอ่าน สร้างบรรยากาศภายในห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดในฝันสำหรับเด็กๆ และคุณครู ในการพัฒนาทักษะให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ และรู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม และเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของชาติ"
ภายในงานมีการจัดแสดงตัวอย่างหนังสือที่มอบให้โรงเรียนในโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือต่างๆ เช่น พระราชนิพนธ์ สื่อการเรียนการสอน หนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูนเสริมความรู้ การ์ตูนประวัติศาสตร์ ฯลฯ รวมไปถึงหนังสือสองภาษา และนิทรรศการผลงานที่ต่อยอดจากหนังสือในโครงการปี 4 ที่มอบให้ห้องสมุดโรงเรียนของนักเรียนโรงเรียนกลุ่มจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สามารถติดตามรายละเอียดของโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" รวมทั้งภาพกิจกรรมจากโครงการ บทความและเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการอ่าน ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : The Happy Read
ที่มา: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง