นั่นคือเป้าหมายหลักของสาขาวิชาศิลปะการประกอบอาหาร วิทยาลัยดุสิตธานี สถาบันอุดมศึกษาในเครือโรงแรมดุสิตธานี ที่ไม่ได้ต้องการผลักดันให้นักศึกษาเป็นแค่เชฟที่ทำอาหารอร่อย แต่มุ่งหวังให้เป็นเชฟที่มีหัวการค้าด้วย เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้เติบโตในสายงานไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารเองหรือการก้าวขึ้นสู่ระดับผู้บริหารขององค์กร ล่าสุดวิทยาลัยดุสิตธานีจึงได้ปรับโฉมโรงอาหารหรือแคนทีนเดิมที่ให้บริการอาหารเหมือนทั่วๆ ไป ให้กลายเป็น D Corner พื้นที่การเรียนรู้ด้านการจัดการธุรกิจและการทำอาหารแบบครบวงจรของนักศึกษาที่สามารถเข้ามาฝึกหัด ปฏิบัติ และเรียนรู้เกี่ยวกับงานครัวทั้งงานหน้าบ้านและหลังบ้าน เรียกว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่ 1 จนถึง 10 เลยทีเดียว
"ที่ผ่านมานักศึกษาสาขาศิลปะการประกอบอาหารจะได้ไปฝึกงานยังสถานประกอบการจริงในชั้นปีที่ 2" อาจารย์ ดร.ฌานิกา ศรีวรรณวิทย์ รองคณบดีคณะศิลปะการประกอบอาหาร วิทยาลัยดุสิตธานี เกริ่นถึงที่มาที่ไปของการทำ D Corner "ซึ่งเราพบความท้าทายว่า นักศึกษาบางคนอาจยังปรับตัวกับระบบการทำงานที่เข้มข้นในอุตสาหกรรมจริงไม่ได้ หลักสูตรจึงพยายามหาแนวทางว่า เราจะทำอย่างไรให้นักศึกษามีความพร้อมก่อนออกไปฝึกงานจริง นอกจากนี้จะปรับหลักสูตรให้ตอบสนองต่อความต้องการของตัวนักศึกษาและรูปแบบสังคมที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงตกผลึกออกมาเป็นรูปแบบของการบูรณาการการเรียนกับการทำงานเข้าไว้ด้วยกัน หรือที่เราเรียกว่า WIL (Work Integrated Learning) ซึ่งมีข้อดีคือ นักศึกษาจะได้รับความรู้และเรียนรู้ทักษะเบื้องต้น ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 จากนั้นนักศึกษาจะสามารถนำเครื่องมือที่เราใส่ให้เขาไปใช้ใน D Corner ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่เราทำให้เสมือนจริง"
D Corner ดังกล่าวจึงถูกจัดสรรพื้นที่ให้เป็นสถานประกอบการเสมือนจริง โดยการแบ่งพื้นที่ออกเป็น outlet ต่างๆ ของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง จำหน่ายอาหารไทยและนานาชาติ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เบเกอรี กาแฟและเครื่องดื่ม มีทั้งแบบปรุงสดและ Grab & Go เพื่อให้นักศึกษาเข้าไปปฏิบัติงานเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่งในแต่ละ outlet ได้เห็นและเรียนรู้ว่าบรรยากาศของสถานประกอบการเป็นอย่างไรตั้งแต่เปิดร้านจนปิดร้าน ได้ฝึกปฏิบัติทักษะต่างๆ อย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นทักษะความเชี่ยวชาญ และเข้าใจหน้าที่ตลอดจนกระบวนการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน ซึ่งการที่ได้เรียนรู้และเข้าใจทุกขั้นตอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานถือเป็นอาวุธหลักของผู้ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต
นอกเหนือจากการที่นักศึกษาได้เรียนรู้ขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างละเอียดแล้ว ข้อดีอีกประการของ D Corner ยังส่งเสริมในเรื่อง sustainability ด้วย เพราะเป็นการใช้วัตถุดิบร่วมกัน โดยหลักการแล้วจะทำให้ไม่มีวัตถุดิบเหลือทิ้ง อีกทั้งยังช่วยให้เกิดไอเดียในการคิดค้นเมนูอาหารจากวัตถุดิบที่ยังใช้ไม่หมดด้วย วิธีการนี้จะช่วยลด Food Waste ได้เป็นอย่างดี
D Corner ไม่ได้เปิดให้บริการแค่เพียงนักศึกษาและบุคคลากรภายในวิทยาลัยดุสิตธานีเท่านั้น แต่ยังเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้ด้วย โดยมีแนวคิดว่า "ลูกค้าทุกคนก็เป็นเสมือนอาจารย์ของนักศึกษา" ในการช่วยให้คำติชม คำแนะนำ และความคิดเห็น จึงกล่าวได้ว่า ในส่วนของนักศึกษา D Corner แห่งนี้อาจเป็นพื้นที่สำหรับเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านอาหารอย่างครบวงจร แต่ในส่วนของลูกค้านั้น ที่นี่คุณจะไม่ได้เป็นแค่ "ลูกค้า" แต่คุณคือผู้มีส่วนผลักดันและพัฒนาเยาวชนของไทยให้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารและการบริการอย่างมืออาชีพต่อไป
ที่มา: วิทยาลัยดุสิตธานี
