แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ได้มอบหมายให้ นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ ร่วมบรรยายพิเศษ ประเด็น การส่งเสริมสุขภาพเด็กไทย พร้อมเปิดเผยว่าจากวิกฤตเด็กไทยที่เกิดน้อยลง รวมทั้ง การเฝ้าระวังสถานการณ์สุขภาพของแม่และเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ยังพบภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์สูง ส่วนการเฝ้าระวังภาวะขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงพบว่าส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยยังผ่านเกณฑ์ คือ มากกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลิตร สำหรับในเด็กปฐมวัย 0-5 ปี พบ ภาวะเตี้ย ผอม และเริ่มอ้วนและอ้วน เมื่อเทียบกับในภูมิภาค ASEAN ประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย Global Nutrition Target โดยเฉพาะภาวะน้ำหนักเกินและโลกอ้วนในเด็ก เป็นปัญหาสำคัญ และสูงขึ้นทั่วโลก หากไม่มีมาตรการในการจัดการ คาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า จะมีเด็ก 1 ใน 5 หรือ ประมาณ ร้อยละ 20 อ้วน และในวัยผู้ใหญ่จะมีภาวะนำหนักเกิน และอ้วนถึง ร้อยละ 50 ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทยเด็กอ้วน ติดอันดับ 3 ใน ASEAN รองจากประเทศมาเลเซีย และประเทศบรูไน ซึ่งเด็กอ้วนยังส่งผลให้วัยทำงานมีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนแนวโน้มสูงขึ้น นำไปสู่โรค NCDs เช่น เบาหวาน และ โรคความดันโลหิตสูง ในอนาคต
"ทั้งนี้ กรมอนามัยยังคงให้ความสำคัญ และมีนโยบายในการทำให้เด็กไทยเกิดดี มีคุณภาพ สำหรับงานวิจัย Pediatric Research Day 2025 "Investing in Tomorrow : Early intervention for Lifelong Healthy" ที่จัดขึ้นโดย ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมอนามัยแนะนำบทบาทของกุมารแพทย์ที่ก้าวไกลกว่าการรักษาทางคลินิก เพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ดังนี้ 1) ผลักดันนโยบายโภชนาการในระดับประเทศและภูมิภาค 2) กำหนดมาตรฐานการคัดกรองและแนวทางแก้ไขภาวะขาดสารอาหารรอง 3) ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเกี่ยวกับโภชนาการทีถูกต้อง และ 4) สนับสนุนโครงการดูแลเด็กปฐมวัยที่บูรณาการโภชนาการ การศึกษาวิจัย และการดูแลสุขภาพ ซึ่งการลงทุนในสุขภาพเด็กไทยวันนี้ คือ สุขภาพที่ดีของประเทศไทยในอนาคต" ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ กล่าว
ที่มา: กรมอนามัย