นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (AMA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โชว์กำไรสุทธิ 68.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้รวมจากการขนส่งลดลงเล็กน้อย เหลือ 755.63 ล้านบาท แต่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง และเดินหน้ากลยุทธ์บริหารต้นทุนและยกระดับประสิทธิภาพการขนส่ง
ในไตรมาสนี้ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถกลายเป็นพระเอก โดยสร้างรายได้ 398.52 ล้านบาท คิดเป็น 52.74% ของรายได้จากการขนส่งทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3.48% จากปีก่อน รายได้หลักมาจากการขนส่งสินค้าเหลวเป็นหลัก โดยรายได้จากการขนส่งสินค้าเหลวที่เพิ่มขึ้นกว่า 25 ล้านบาท แม้ปริมาณขนส่งน้ำมันจะลดลงเล็กน้อย แต่การปรับอัตราค่าขนส่งให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการช่วยหนุนรายได้
ขณะเดียวกัน ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีรายได้ 357.11 ล้านบาท ลดลง 9.35% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราค่าขนส่งเฉลี่ยที่ลดลง แม้ปริมาณขนส่งจะเพิ่มขึ้นและอัตราการใช้กองเรือ (Fleet Utilization) อยู่ในระดับสูงถึง 98.46% อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นของธุรกิจเรือยังเพิ่มขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงและการควบคุมความเร็วเรือแบบประหยัด
กำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 136.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจขนส่งทางรถมีกำไรขั้นต้น 75.16 ล้านบาท เติบโต 18.83% และมีอัตรากำไรขั้นต้น 18.86% สะท้อนการบริหารต้นทุนและการใช้กองรถที่มีประสิทธิภาพ
"เราพอใจกับผลประกอบการในไตรมาสแรก แม้เผชิญความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน แต่ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือยังรักษาอัตราการทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ และธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถยังเติบโตดี ลูกค้าหลักอย่าง PTG ยังใช้บริการขนส่งคิดเป็นกว่า 90% ของปริมาณทั้งหมด อีกทั้งบริษัทย่อยอย่าง TSSK Logistics (TSSK) ซึ่งเราถือหุ้น 76% ยังช่วยหนุนรายได้จากการขนส่งเม็ดพลาสติกและตู้คอนเทนเนอร์" นายพิศาลกล่าว
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง AMA เตรียมเพิ่มรถขนส่งสินค้าอีก 30 คัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตระดับ Double Digit ตามแผน พร้อมเดินหน้าศึกษาธุรกิจใหม่ ทั้งคลังสินค้า (Warehouse) และการขนส่งทางโดรน เพื่อเสริมพอร์ตและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน