นายธรรณพ ชำนาญศิลป์ CFP(R) Vice President , Investment Solution บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวม ตราสารทุนรายประเทศ และ Thematic Fund เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะสั้นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเสริม Sentiment ของนักลงทุนในวงกว้าง นอกจากนี้ บรรยากาศที่ดีขึ้นยังมีแนวโน้มส่งต่อความมั่นใจไปยังประเทศที่อยู่ในกระบวนการเจรจา เช่น ยูโรโซน อินเดีย และเวียดนาม แม้ตลาดอาจมีแรงขายทำกำไรสลับบ้างระหว่างทาง แต่เมย์แบงก์เชื่อว่าทิศทางโดยรวมยังเป็นขาขึ้น
สำหรับมุมมองในระยะยาว เมย์แบงก์ยังคงมีท่าทีเชิงบวกต่อตลาดหุ้นหลัก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งจากผลลัพธ์ของการเจรจาการค้าที่เป็นบวก อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับควบคุมได้ ส่งผลให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนตลาดทุนในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ประเทศอย่างอินเดียและเวียดนามก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นเช่นกัน จากแนวโน้มท่าทีที่เปิดกว้างในการร่วมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามที่มีการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
ในด้านกลยุทธ์การลงทุน เมย์แบงก์แนะนำหุ้นเทคโนโลยีที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากการผ่อนคลายข้อพิพาทด้านภาษี โดยเฉพาะหุ้นของบริษัท Apple ซึ่งความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากบริษัทมีฐานการผลิตหลักอยู่ในจีน การลดแรงกดดันจากภาษีนำเข้าส่งผลให้ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มทรงตัว และลดความจำเป็นในการปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งส่งผลดีต่อความรู้สึกของผู้บริโภคโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองคือ Amazon ที่ก่อนหน้านี้มีสัดส่วนสินค้าที่นำเข้าจากจีนอยู่พอสมควร การลดความตึงเครียดด้านภาษี ทำให้ความกังวลเรื่องยอดขายในแพลตฟอร์มของ Amazon เริ่มคลี่คลายลงอย่างชัดเจน
นายธรรณพ สรุปว่าในช่วงเวลาที่ตลาดกลับมาฟื้นตัวถือเป็นโอกาส นักลงทุนควรใช้จังหวะนี้ในการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยมหภาค และสามารถปรับตัวได้ดีในบริบทเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง พร้อมเน้นย้ำว่าการเลือกลงทุนอย่างมีคุณภาพ ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว