"ผลประกอบการในไตรมาสแรกนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการเติบโตของรายได้จากลูกค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 88.1% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในไตรมาส 1/68 จากเดิม 15% ในไตรมาส 1/67" นพ. เสถียร กล่าว
ความสำเร็จในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าดังกล่าวให้เข้ามาใช้บริการในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปตามกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าต่างชาติที่ PR9 ได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการทำการตลาดเจาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2-3/68 บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าลูกค้าจากตะวันออกกลางจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านช่วงรอมฎอน และคาดว่าจะรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีราว 15 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 จากเงินบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐ โดยภาพรวมของปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ด้านหลัก คือ
- การขยาย Capacity มากขึ้น
เพิ่มจำนวนเตียงอีก 20 เตียง รองรับความต้องการของผู้ป่วยที่สูงขึ้น
- กลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้จากศูนย์เฉพาะทาง
เช่น ศูนย์โรคไต โรคหัวใจ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์ผ่าตัดแผลเล็ก ซึ่งล้วนเป็นศูนย์การรักษาที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
- กลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น
มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางและประเทศใหม่ๆ เช่น บังกลาเทศ ซึ่งมีโอกาสดันสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 20% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ PR9 ยังมีแผนพัฒนาการบริการ และการนำ AI มาใช้ในการทำงาน พร้อมยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ "เราเชื่อมั่นว่าด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานที่ชัดเจน ทั้งการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ การพัฒนาศูนย์เฉพาะทาง และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้โรงพยาบาลพระรามเก้าสามารถรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว" นพ. เสถียร กล่าวทิ้งท้าย