"GCAP GOLD" ชี้ทองปีม้าคึก ส่อแววแตะ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ชี้ทองคำปี 2569 ส่อแววทะยานต่อ ลุ้นนิวไฮแตะ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หนุนทองไทยพุ่ง 74,000 บาท ชู 3 ปัจจัยบวก ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลง-แบงก์ชาติทั่วโลกตุนทอง-ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จีนและญี่ปุ่น จับตาเทคนิค Bullish Breakout ระยะยาว

Monday 29 December 2025 14:14
"GCAP GOLD" ชี้ทองปีม้าคึก ส่อแววแตะ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มราคาทองคำปี 2569 ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวก และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง โดยประเมินกรอบเป้าหมายราคาทองโลกไว้ที่ 4,750-4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทย ประมาณ 72,000-74,000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 32 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ประเมินว่า หากราคาทองคำโลกมีการพักตัวแต่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ ที่ 3,450 ดอลลาร์ จะยังคงเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ โดยมีจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ 2 ระดับ ได้แก่ โซนพักตัวระยะสั้นที่ 4,050-3,990 ดอลลาร์ และโซนแนวรับลึกในกรณีปรับฐานแรงกว่าปกติที่ 3,885-3,750 ดอลลาร์ โดยมีกรอบรอทำกำไรเป้าหมายใหญ่กรณี Bull Case ที่ 4,750-4,900 ดอลลาร์

ส่วนของทองคำไทยยังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก โดยมีโอกาสขยับขึ้นไปถึงช่วง 72,000-74,000 บาท แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาไทยขึ้นช้ากว่าทองโลก อย่างไรก็ตามหากเงินบาทอ่อนค่าในช่วง 33-34 บาท ทำให้อาจจะเห็นราคาทองในประเทศมีโอกาสขึ้นเหนือ 75,000 บาทได้ไม่ยาก ดังนั้นจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาแถวโซน 61,500-60,500 บาท จึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนที่ถือทองไว้ในมือที่ระดับ 64,000 บาท ยังมี Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 7,000-10,000 บาท ตามเป้าหมายสูงสุดที่ประเมินไว้

"ด้านปัจจัยหนุนสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2569 ประกอบด้วย สัญญาณทางเทคนิคที่เป็นขาขึ้นชัดเจนในกรอบระยะยาวและการเกิด Bullish Breakout หลายครั้ง ทำให้การย่อตัวถูกมองเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง ขณะเดียวกันทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อย่างต่อเนื่องในปี 2568-2569 รวมถึงความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed จากการแทรกแซง ทางการเมืองและการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับราคาทองคำ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และแรงซื้อจากกองทุน ETF ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังร้อนแรงโดยเฉพาะความตึงเครียดในเอเชียระหว่างจีนและญี่ปุ่น"